KS Daily View 03.11.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,390-1,425 จุด คาดตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดบวก พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีปรับตัวลดลง หุ้นแนะนำ DELTA, PTTEP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
- ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +1.70%, S&P 500 +1.89%, NASDAQ +1.78%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+3.10%), Real estate (+3.09%), Consumer Discretionary (+2.40%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Communication services (+0.91%), Consumer Staples (+1.26%) เป็นต้น
- ในประเทศ: SET Index +24.03 จุด หรือ +1.74% ปิดที่ 1,403.99 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ BYD (+12.32%), JMART (+10.59%), NEX (+7.26%), TIDLOR (+7.25%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ BLA (-6.55%), TLI (-3.70%), TQM (-2.44%), BH (-1.54%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,390 – 1,425 จุด คาดปรับตัวขึ้นจากการที่ปิดเหนือระดับ 1,400 จุดได้ แต่อาจจะมีแรงขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นมาแรงเมื่อวานนี้ และเปลี่ยนตัวเล่น โดยรวมยังได้ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับตัวลดลง 7.3bps สู่ระดับ 4.66% ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool คาดว่าเฟดมีโอกาสจะคงอัตราดอกเบี้ยการประชุมครั้งหน้าที่ 80% ขณะที่บริษัทใน S&P500 รายงานงบไตรมาส 3 แล้ว 75% การเติบโตของกำไรตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.9% YoY โดยมีถึง 81% ของบริษัทที่รายงานงบแล้วกำไรดีกว่าที่คาดการณ์ มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 66%
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยังได้รับแรงหนุนจาก ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจยุติวงจรการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบ 40 ปี โดยนายพาวเวลรับรู้ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา และตระหนักว่าภาวะการเงินที่มีความตึงตัวมากขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
- ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ด้วยมติ 6 ต่อ 3 เสียง
- สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจาก FED, ECB, BOE คงอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดคลายความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะทำให้เศรษฐกิจและการใช้น้ำมันชะลอตัวลง รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยนายไซอิด ฮัสซัน นาสราลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เตรียมประกาศต่อสาธารณะในวันนี้ เวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20.00 น.ตามเวลาไทย เกี่ยวกับท่าทีของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่จะมีต่อสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
- ราคาหุ้นแอปเปิ้ล (AAPL) ปรับตัวลดลง 3.4% หลังจากปิดตลาด มุมมองรายได้ไตรมาส 4 จะอ่อนแอลง โดยบริษัทรายงานกำไรไตรมาส 3 ที่ $1.46 ดีกว่าที่คาดไว้ที่ $1.39
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,355 – 1,425 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) คืนวันพุธจะมีการเปิดเผยแผนออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ รายไตรมาส โดยตลาดคาดว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯจะปรับเพิ่มขึ้นการออกพันธบัตรระยะยาวอายุมากกว่า 2 ปีเป็น US$114bn เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ US$103bn ในรอบเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา 2.) ผลการประชุมเฟด (คืนวันที่ 1 พ.ย.) ว่าจะเป็น การคงดอกเบี้ยต่อ หรือ ปรับขึ้น 25bps. 3.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนทิศทาง Fund flow 4.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะลดลงหากรัฐบาลปรับลดวงเงินโครงการดิจิตอลวอลเล็ต ทำให้อุปทานพันธบัตรในอนาคตลดลง 5.) สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส 6.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค ของสหรัฐฯ 6 และ 7.) การประกาศกำไร 3Q23 ของบริษัทจดทะเบียน (THCOM, FTREIT)
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: DELTA (ราคาพื้นฐาน 100 บาท) คาดกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้ผลบวกจากการที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง โดย DELTA ประกาศกําไรปกติไตรมาส 3 ที่ 5.05 พันลบ. เป็น record high สูงกว่าประมาณการของเรา 5% หลักๆมาจากรายได้ที่โตแรงกว่าคาด จากยอดขายฝั่ง EV แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2566 เป็นบวก แต่การเติบโตระยะกลางเบาบางลง
- Top pick: PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากการที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ย คลายกังวลว่าดอกเบี้ยที่สูงจะทำให้เศรษฐกิจและการใช้น้ำมันชะลอตัวลง โดยหากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ฯ ต่อปี จะเพิ่มกำไรสุทธิประมาณ 4.9 พันลบ./ปี และมูลค่าตามวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ที่ 7 บาท/หุ้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 143k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 263k ตำแหน่ง และตัวเลขค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 4.2% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 53.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 53.7 จุด