บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
ASSETWISE (ASW TB)
คาดกําไร 3Q23 ไม่สดใส แต่ฟื้ นใน 4Q23-2024
- ประเมินกําไรปกติ 3Q23 +73% y-y แต่ -36% q-q แม้ยอดโอนเติบโตเด่น แต่กดดันจากอัตรากําไรขั้นต้นลดลงและค่าใช้จ่ายบริหารสูงขึ้น ขณะที่ 4Q23 คาดฟื้นตัวดี
- ปรับลดคาดการณ์กําไรปกติปี 2023-2025 แต่ปี 2024 +45% y-y ทํา New High
- ยังแนะนําซื้อ ราคาเหมาะสมใหม่ 10 บาท ปีนี้คาดจ่ายปันผลเต็มปี Yield 6.2%
คาดกําไรปกติ 3Q23 เร่งขึ้น y-y แต่ลดลง q-q กดดันจาก GPM และ SG&A
เราประเมินกําไรสุทธิ 3Q23 อยู่ที่ 181 ล้านบาท (+15% q-q, -5% y-y) ตํ่ากว่าที่เคยมองว่าจะเพิ่มขึ้น q-q, y-y โดยมี Share Premium 80 ล้านบาทจากการเซ็น JV 1 โครงการ หากไม่รวมรายการดังกล่าว กําไรปกติคาดอยู่ที่ 101 ล้านบาท (-36% q-q, +73% y-y) แม้ยอดโอน 3Q23 คาดเร่งขึ้นเด่นเป็น 1.56 พันล้านบาท (+31% q-q, +97% y-y) จากการเริ่มโอนคอนโดใหม่ 3 โครงการอย่าง Modiz Rhyme Hill, Atmoz Sriracha และ Atmoz Portrait Sriraman อย่างไรก็ตาม ถูกกดดันจาก 1) อัตรากําไรขั้นต้นขายอสังหาฯ คาดปรับลดเป็น 36% จาก 42.7% ใน 2Q23 เนื่องจากคอนโดใหม่บางโครงการซึ่งเปิดตัวในช่วง Covid และมีมาร์จิ้นตํ่ากว่าปกติ 2) ค่าใช้จ่ายบริหารสูงขึ้นอย่างมีนัยจากการเพิ่มบุคลากรรองรับการขยายธุรกิจ 3) ส่วนแบ่ง JV คาดพลิกเป็นขาดทุน เนื่องจากไม่มีคอนโด JV ใหม่ และค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจากโครงการ JV ใหม่
แนวโน้มกําไร 4Q23 ฟื้นตัวดีตามการเร่งขึ้นของยอดโอน
ทิศทางผลประกอบการ 4Q23 คาดกลับมาฟื้นตัวเด่นและเป็นไตรมาสดีสุดของปี เบื้องต้นคาด 300-400 ล้านบาท ตามการเร่งขึ้นของยอดโอนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดใหญ่ Kave Town Colony รวมถึงคอนโด JV 2 แห่งอย่าง Atmoz Oasis และ Atmoz Flow Minburi ขณะที่อัตรากําไรขั้นต้นคาดทยอยขยับขึ้นจาก 3Q23 จากผลของ Project Mix ที่มีสัดส่วนโครงการใหม่ที่มาร์จิ้นดีขึ้น
ปรับลดประมาณการปี 2023-2025 แต่คาดว่าปี 2024 ยังทํา New High
เราปรับประมาณการกําไรปกติปี 2023-2025 ลง 6-21% เป็น 801 ล้านบาท (+16% y-y), 1.2 พันล้านบาท (+45% y-y) และ 1.3 พันล้านบาท (+15% y-y) สาเหตุหลักจากปรับลดอัตรากําไรขั้นต้นขายอสังหาฯ สะท้อนบางโครงการที่มาร์จิ้นตํ่ากว่าปกติ รวมถึงปรับลดส่วนแบ่งกําไร JV จากค่าใช้จ่ายจากการร่วมทุนโครงการใหม่มากกว่าคาด อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2024 ที่เติบโตดีและทําระดับสูงสุดใหม่ หนุนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ของ ASW และ JV จํานวน 6 โครงการ บวกกับเริ่มเห็นผลบวกของการเข้าซื้อหุ้น TITLE ซึ่งมีแผนโอนคอนโดใหม่ 2 แห่ง โดยมี Backlog ณ สิ้น 3Q23 รอรับรู้ปีหน้า 4.5 พันล้านบาท Secured ยอดโอนแล้ว 50%
ปรับราคาเหมาะสมปี 2024 เป็น 10 บาท คงคําแนะนําซื้อ
เราปรับราคาเหมาะสมปี 2024 ลงเป็น 10 บาท (อิง PER เดิม 8x) ระยะสั้นหุ้นอาจขาด Catalyst จากงบ 3Q23 ที่ไม่สดใส อย่างไรก็ดี แนวโน้ม 4Q23 จะฟื้นตัว และการเติบโตของกําไรปี 2024 ยังดีกว่ากลุ่มฯ ราคาหุ้นซื้อขายบน PE2024 ที่ 6.8x และคาดบริษัทจ่ายปันผลปี 2023 ที่ 0.52 บาท/หุ้น Yield 6.2% (จ่ายครั้งเดียว) จึงยังแนะนําซื้อ
Investment thesis
นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึง EEC บริษัทยังเดินหน้ากระจายพอร์ต ทั้งทําเล และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยสิ้นปี 2022 บริษัทเริ่มจับมือกับผู้พัฒนาอสังหาฯท้องถิ่นในภูเก็ตเพื่อพัฒนา Luxury Pool Villa ในภูเก็ต ขณะที่ล่าสุด 3Q23 ประกาศเข้าลงทุนในหุ้น TITLE 67.61% ซึ่งพัฒนาคอนโด Leisure ในภูเก็ตและมีจุดแข็งด้านที่ดินในมือที่พัฒนาโครงการได้ถึง 1.4 หมื่นล้านบาทพร้อมมีประสบการณ์และเครือข่าย Agent ที่แข็งแกร่ง เพื่อต่อยอดการขยายการลงทุนได้เร็วขึ้น และขับเคลื่อนต่อศักยภาพการเติบโตตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป
Company profile
ASW ก่อตั้งในปี 2005 ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทั้งแนวสูง ได้แก่ คอนโด Low Rise และ High Rise รวมถึงแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ นอกจากนี้ ยังประกอบธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ได้แก่ อสังหาฯเพื่อให้เช่า, รับฝากขายฝากเช่าอสังหาฯ และตัวกลางในการรับชําระเงินจากลูกค้าต่างประเทศ โดยจุดเด่นของ ASW คือมุ่งเน้นการออกแบบพื้นที่โครงการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า รวมถึงสิ่งอํานวยความสะดวกที่ครบครัน ฟังก์ชั่นการใช้งานคุ้มค่า
www.assetwise.co.th
Catalysts
ปัจจัยหนุนต่อการเติบโตคือ 1) ความสําเร็จของการเปิดตัวโครงการใหม่ และความคืบหน้าการขายของสินค้าเหลือขาย 2) แผนขยายธุรกิจ ทั้งการเข้าซื้อหุ้น TITLE เพื่อเข้ารุกตลาดอสังหาฯภูเก็ต และการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย ซึ่งกระจายในทำเลที่มีศักยภาพทั้งกรุงเทพฯ และจังหวัดใหม่ รวมถึงการร่วมทุนกับพันธมิตรในโครงการ JV ใหม่ ซึ่งอาจทําให้มีการบันทึกกําไรพิเศษ Share premium
Risks to our call
ความเสี่ยงต่อประมาณการ 1) การรับรู้ Backlog ล่าช้ากว่าแผน และการเลื่อนโอนคอนโดใหม่ 2) การเปิดโครงการใหม่ตํ่ากว่าแผน 3) Take-up rate โครงการใหม่ตํ่ากว่าคาด 4) เศรษฐกิจและกําลังซื้อชะลอตัว 5) การก่อสร้างล่าช้าและการแข่งขันรุนแรง 6) อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารและยอดยกเลิกจากลูกค้าสูงขึ้น