บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
SC Asset Corporation (SC) คาดกำไร 3Q66 ไม่เด่น แต่ 4Q66 จะสดใส
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +29.4%
- Close Nov 3, 2023 Price (THB) 3.38
- 12M Target (THB) 4.38
- Previous Target (THB) 5.00
What’s new?
- คาดกำไร 3Q66 ทรงตัว QoQ จากการโอน Backlog ต่อเนื่องของโครงการแนวสูง แต่ลดลง -22.1% YoY เนื่องจาก Product mix เปลี่ยนแปลง โดยโอนโครงการแนวสูงเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น เราคาดกำไร 4Q66 เติบโต QoQ จาก Backlog
- โครงการแนวราบกว่า 6.3 พันลบ. และกลยุทธ์การตลาดปลายปี แต่ลดลง YoY จากฐานสูง การเร่งโอนก่อนมาตรการผ่อนคลาย LTV จะสิ้นสุดลง
Our view
- ราคาปัจจุบันซื้อขายบุน PER67 ที่ 5.8% ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอสังหาฯ ที่ 6.6x นอกจากนี้ เราคาดเงินปันผลปี 2566/67 ที่ 0.23-0.24 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ต่อปีสูงถึง 6-7%
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ ณ สิ้นปี 2567 ที่ 4.38 บาท/หุ้น
คาดกำไรปกติ 3Q66 ทรงตัว QoQ ลดลง YoY
เราคาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 508 ลบ. (+2.3% QoQ, -22.1% YoY) ทรงตัว QoQ จากการโอน Backlog ต่อเนื่องของโครงการ Scope หลังสวน และโครงการ 28 ชิดลม แต่ลดลง YoY เนื่องจาก 1) สัดส่วนการโอนโครงการแนวสูงเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 20% จาก 9% ใน 3Q65 ซึ่งโครงการแนวสูงมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าโครงการแนวราบ Segment ระดับบนของบริษัทฯ 10-15% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น 3Q66 คาดที่ 32.7% (+0 bps QoQ, -117 bps YoY) 2) ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่สูงขึ้นจากการจัดรายการกระตุ้นยอดขาย และทำธุรกิจใหม่ และ 3) ต้นทุนทางการเงินที่คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 98 ลบ. (+2.0% QoQ, +237.8% YoY) ตามอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นสูงต่อเนื่อง
ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2566/67 ลง 12.9% และ 10.4%
หากประมาณการ 3Q66 เป็นไปตามที่เราประเมิน กำไรปกติ 9M66 คิดเป็นเพียง 58.3% ของประมาณการกำไรทั้งปีเดิมของเราที่ 2.6 พันลบ. เราจึงมีการปรับสมมติฐานให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานมากขึ้น โดยปรับลดประมาณการกำไรปี 2566/67 ลง 12.9% และ 10.4% เป็น 2.4 พั้นลบ. (-11.4% YoY) และ 2.5 พันลบ. (+7.8% YoY) ตามลำดับ จาก 1) ค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการสูงขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยปรับสัดส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) ปี 2566 และ 2567 เพิ่มขึ้น 130 bps และ 120bps เป็น 19.3% และ 19.0% ตามลำดับ และ 2) ต้นทุนทางการเงินสูงกว่าคาดเดิม จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มกำไร 4Q66 เติบโตเด่น QoQ แต่ทรงตัว YoY จากฐานสูง
เราคาดผลประกอบการ 4Q66 จะเติบโตเด่น QoQ จาก 1) แผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ที่หนาแน่น 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.0 หมื่นลบ. ซึ่งจะสามารถโอนได้ทันบางส่วนภายในไตรมาส และมาช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ 2) การโอนส่งมอบ Backlog โครงการแนวราบที่ยกมาจาก 3Q66 มากกว่า 6.3 พันลบ. และ 3) การจัดรายการกระตุ้นยอดขายและจูงใจให้โอนส่งมอบในช่วงปลายปี ขณะที่เทียบ YoY คาดชะลอตัวจากฐานสูงที่ใน 4Q65 มีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอน 3 โครงการ และการรีบโอนก่อนมาตรการผ่อนคลาย LTV จะสิ้นสุดลงใน 4Q65
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 4.38 บาท/หุ้น
เราปรับราคาเป้าหมายลง และเปลี่ยนเป็นราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 4.38 บาท/หุ้น อ้างอิงวิธี PER ที่ 7.4x (จากเดิม 8.1x) โดยราคาปัจจุบันมี Upside Gain 29.4% และซื้อขายบน PER67 ที่เพียง 5.8x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอสังหาฯ ที่ 6.6x อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 จะเติบโตได้โดดเด่น QoQ และคาดเงินปันผลปี 2566/67 ที่ 0.23-0.24 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ต่อปีสูงถึง 6-7% ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่หวังเงินปันผล คงคำแนะนำ “ซื้อ”