ส่งออกจีนหดตัวสะท้อนอุปสงค์โลกที่ยังย่ำแย่
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.17% US Bond Yield ปรับตัวลง โดยเมื่อคืนอายุ 10 ปีปรับตัวลงทดสอบระดับ 4.5% ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 4.2% ถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับฝั่งสหรัฐฯและยุโรป อย่างไรก็ตาม จีนได้ประกาศตัวเลขส่งออกประจำเดือน ต.ค. พบว่าหดตัวแรง 6.4%YoY และแย่กว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ -3.5%YoY ข้อมูลจาก Wikipedia ระบุไว้ว่าจีนถือเป็นผู้ส่งออกอันดับแรกของโลกด้วยมูลค่าส่งออกราว 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสหรัฐฯเป็นคู่ค้าอันดับแรกด้วยสัดส่วน 15.5% อันดับสองได้แก่ Hong Kong ด้วยสัดส่วน 10.7% และอันดับสาม Japan ด้วยสัดส่วน 5.4% โดยสินค้าหลักที่จีนส่งออก ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งการส่งออกของจีนที่ติดลบสะท้อนถึงอุปสงค์จากคู่ค้าที่อ่อนแอ และแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกในภาพรวมที่ย่ำแย่ ในขณะเดียวกันได้สร้างแรงกดดันไปยังราคาน้ำมันที่ปรับฐานแรงถึง 4.2% ระยะสั้นจะเป็นลบต่อกลุ่มน้ำมันใน SET (PTTEP PTT) และกลุ่มโรงกลั่น (BCP SPRC TOP)
สำหรับปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่แถลงจากประธาน FED เชื่อว่าตลาดจะรอดูความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ประเมินว่าน่าจะคล้ายกับช่วงประชุม FED กล่าวคือเน้นในทางผ่อนคลายและไม่เข้มงวดจนเกินไป ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนัก 90% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ะดับเดิมในการประชุมช่วงลางเดือน ธ.ค. สำหรับพรุ่งนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.18 แสนราย ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการแถลงความคืบหน้าของเงิน Digital ใน วันที่ 10 พ.ย. หากมีความชัดเจนที่มากขึ้นก็เชื่อว่าจะเป็นบวกกับตลาดหุ้น
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1400 – 1415 แม้บรรยากาศการลงทุนจะเป็นบวกจากตลาดหุ้น Dow Jones และเช้านี้ Nikkei เคลื่อนไหวแดนบวก 0.47% อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจะได้แรงกดดันจากกลุ่มน้ำมันตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมจากระดับ Valuation ที่น่าสนใจสำหรับระยะกลาง – ยาว แต่เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (TU) ส่วน Trading ยังแนะกลุ่มการเงิน (SAWAD TIDLOR)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
ผลการดำเนินงาน 3Q23 ออกมาที่ 1 พันล้านบาท (+12% YoY, +9% QoQ) ดีกว่าที่เราและตลาดคาดราว 5%การเติบโตของกำไรเป็นผลมาจาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ และ NIM เพิ่มขึ้น และ (2) รายได้ค่านายหน้าประกันเพิ่มขึ้น โดยกำไรงวด 9 M23 ขยายตัว 2% ที่ 2.9 พันล้านบาท
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 83.00 บาท)
ผลประกอบการงวด 3Q23 ของ CPN จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยคาดว่าจะสูงถึง 4,030 ล้านบาท ได้รับผลดีจากรายได้ของอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างมาก ขณะที่ธุรกิจอื่นยังเห็นการเติบโตได้เช่นกัน โดยเฉพาะรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ แม้ว่าในแง่การให้ส่วนลดจะเริ่มคงที่แล้ว ขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมขยายตัวได้สวนทางจากการเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจหลังมีการเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง และหากกำไรสุทธิออกมาตามคาด ทำให้กำไรทั้งปีที่เราประเมินไว้ที่ 12,855 ล้านบาทอาจจะเป็นระดับที่ต่ำเกินไป