ICHI พุ่งให้สุดแล้วหยุดที่ All Time High ทั้งรายได้-กำไร ในรอบ 30 ไตรมาส นักลงทุนยิ้มรับปันผลระหว่างกาล 0.50 บ./หุ้น แถมปรับเพิ่มเป้ายอดขาย 7,800 ล้านบาท ลุ้นกำไรโตแตะพันล้านในรอบ 9 ปี
“บมจ.อิชิตัน (ICHI)” แรงฉุดไม่อยู่ ประกาศงบ Q3/66 กวาดยอดขาย 2,077 ล้านบาท โต 25% กำไรสุทธิ 328 ล้านบาท โต 71% ทุบสถิติสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 30 จากดีมานด์ตลาดในประเทศกลุ่มชาเขียว-เย็นเย็น-น้ำด่าง-เครื่องดื่มอัดก๊าซ กอดคอกันโต ไฮไลท์อยู่ที่ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มสร้างปรากฎการณ์โตสูงสุด พ่วงด้วยธุรกิจ OEM ทะลุเป้า หนุนรายได้ปีนี้โต 23% รายได้ทะยาน 7,800 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายกำไรแตะ 1,000ล้านบาทในรอบ 9 ปี บอร์ดใจป้ำ จ่ายปันผลระหว่างกาลตอบแทนผู้ถือหุ้น 0.50 บาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 กวาดรายได้ 2,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และมีกำไรสุทธิ 328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 30 ไตรมาสอีกครั้ง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20% ผลักดันให้ผลงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม – กันยายน) ทำรายได้ที่ 5,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และมีกำไรสุทธิ 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80%
ปัจจัยสำคัญมาจากความสำเร็จธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศ โชว์ยอดขายชาเขียวพร้อมดื่มสามารถเติบโต ขายดีทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านโชว์ห่วย ณ สิ้นกันยายน 2566 สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทย RTD Tea โตแรงแซงตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ประเภทอื่น ทั้ง Volume และ Value ทั้งนี้ ข้อมูลจากตัวเลขค้าปลีกของบริษัท เดอะนีลเส็นคอมปะนี (ประเทศไทย) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดชาพร้อมดื่มมีมูลค่า 12,329 ล้านบาท เติบโตมากถึง 18.75 %
ขณะที่ กลุ่มเครื่องดื่มเย็นเย็น น้ำด่าง และสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพในกลุ่ม Healthy Trend เติบโตต่อเนื่อง ด้านเครื่องดื่มน้ำอัดลมสไตล์เกาหลีน้องใหม่มาแรง “ตันซันซู” วางจำหน่ายสินค้าใหม่ความหวัง “ตันซันซู น้ำผึ้งมะนาว” เป็นรสชาติที่ 4 มาเขย่าตลาดวัยรุ่นในเดือนตุลาคม กระตุ้นตลาดโค้งสุดท้ายของปีให้เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจรับจ้างผลิต (Ichitan OEM Service) ซึ่งปัจจุบันจับมือพาร์ทเนอร์รายใหญ่แบรนด์ IF ที่เข้ามาเสริมทัพ ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศ ดันรายได้จากธุรกิจ OEM ในไตรมาส 3/2566 ทำได้ถึง 48 ล้านบาท เป็นอีกเรือธงที่เข้ามาสนับสนุน และคาดทะลุเป้า 100 ล้านบาทได้แน่นอน
ทางด้านฝ่ายผลิต ในไตรมาส 3 อิชิตันใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 79% สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องจากยอดขายในธุรกิจเครื่องดื่มเติบโตแรง จนผลิตไม่ทันจำเป็นต้องตัดออเดอร์บางส่วนไปใช้บริการรับจ้างผลิต (OEM) รองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการติดตั้งไลน์การผลิตใหม่ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 200 ล้านขวด/ปี คาดจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งจะหนุนกำลังการผลิตรวมเป็น 1,700 ล้านขวด/ปี (จากปัจจุบัน 1,500 ล้านขวด/ปี) สร้างความพร้อมในการรองรับโอกาสในตลาดใหม่ ดีมานด์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับประเด็นราคาน้ำตาลที่อาจจะปรับตัวขึ้น อิชิตันได้เตรียมการอย่างสุดความสามารถในการรองรับมากว่า 2 ปี ด้วยการพัฒนาสูตรเครื่องดื่มให้ลดปริมาณน้ำตาลลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมกับการบริหารจัดการกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นในระดับ 79% ส่งผลการบริหารต้นทุนต่อขวดลดลงอย่างมาก ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าราคาน้ำตาลที่อาจสูงขึ้นในท้องตลาดมีผลกับอิชิตันเพียงเล็กน้อย
สำหรับเป้าหมายปี 2566 อิชิตันอัพเป้ารายได้ใหม่คาดแตะ 7,800 ล้านบาท หรือโตจากปีก่อนราว 23% พร้อมกับเดินหน้าสู่ยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี (ปี 2568) ส่วนกำไรปีนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากยอดขายที่เติบโต การบริหาร Product Mix ที่ดี และการบริหารต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ จึงคาดปีนี้มีโอกาสได้เห็นกำไรสุทธิแตะ 1,000 ล้านบาทอีกครั้งในรอบ 9 ปี
ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 22 พ.ย. 2566 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ และเติบโตไปด้วยกัน