บล.ฟิลลิป:

เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ – KCE กำลังผลิตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

Key Point

ปัจจุบันลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาสั่งซื้ออยู่ในระดับปกติ, อัตรากำลังผลิตที่ 77% คาด 4Q66 จะทำกำไรได้สูงสุดของปี แต่ภาพรวมปีนี้ยังคงอ่อนตัว คาดปี 67 จะมีอัตรากำลังผลิตค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้รายได้ และ GPM ดีขึ้นกว่าปี 66 คาดว่ากำไรสุทธิในปี 67 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และทางฝ่ายฯมองว่าปี 67 จะเติบโตได้มากกว่า HANA และ DELTA อีกด้วย ปรับราคาพื้นฐานปี 67 ขึ้นมาที่ 64.00 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ

3Q66 รายได้ฟื้นตัวได้ดี q-q จากปริมาณขายที่ปรับเพิ่มขึ้น q-q ในผลิตภัณฑ์ Layer ซึ่งเป็นรายได้หลัก ขณะผลิตภัณฑ์ HDI มีปริมาณขายที่ลดลง q-q แต่เกิดจากปัญหาขอขวดบางส่วนงาน ทำให้มี Backiog ที่เพิ่มขึ้น มีอัตรากำลังผลิตเพิ่มมาที่ 77% ทำให้ GPM ปรับตัวดีขึ้น q-q จากประโยชน์ของค่าเงินบาทอ่อนค่าและระดับกำลังผลิตที่เพิ่ม ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 519.5 ลบ . -20.7%y y +38.1%q-q รวม 9M66 กำไรสุทธิ 1,241 ลบ. -31.79y-y ปัจจุบันสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ แต่ยังไม่ถือว่าดีเนื่องจากลูกค้ายังมีความกังวลอยู่บ้าง

คาด 4Q66 กำไรดีสุด

คาด 4066 รายได้เติบโตขึ้น q-q จากสถานการณ์ที่เริ่มกลับมาเป็นปกติ และยังมี Backlog ของ HDI ที่รอส่งใน 4Q66, GPM ปรับตัวดีขึ้นจากราคาวัตถุดิบยังมีแนวโน้มปรับตัวลงอยู่ และจะมีอัตรากำลังผลิตที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง คาดกำไรเติบโต y-y และ q-q และทำกำไรได้สูงสุดในปี แต่ยังคงทำให้กำไรทั้งปี 66 อ่อนตัวราว 23.0%y-y

ปี 67 เติบโตก้าวกระโดด

ส่วนในปี 67 มีการปรับราคาขายให้ลูกค้าลงราว 3-3.5% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สุดลง ซึ่งจะชดเชยไปกับ KCE ที่จะต้องต่อรองราคากับ Supplier คาดรายได้ปี 67 เติบโต y-y ถูกขับเคลื่อนโดนผลิตภัณฑ์ HDI เป็นหลัก ซึ่งมี GPM ที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์แบบอื่น มี GPM ที่สูงขึ้น y-y จาก 1. ต้นทุนของวัตถุดิบที่สามารถต่อราคาลงได้ 2.อัตรากำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นที่ราว 85% 3.ในช่วง 1H67 มีการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานที่ลาดกระบังและอยุธยา จะสามารถลดจำนวนแรงงาน และค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ส่วนหนึ่ง คาดว่ากำไรปี 67 จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และทางฝ่ายฯมองว่าอัตราการเติบโตในปี 67 ของ KCE จะเติบโตได้มากกว่า HANA และ DELTA อีกด้วย

เริ่มทำก่อสร้างอาคารที่โรจนะ

Capex ปี 67 ราว 3,700 ลบ. มีปรับปรุงโรงงานเดิมราว 600 ลบ. ส่วนที่เหลือเป็นการเริ่มสร้างโรงงานใหม่ที่โรจนะ คาดสร้างเสร็จต้นปี 68 แต่การซื้อเรื่องจักรและอุปกรณ์ทางฝ่ายขยังไม่มั่นใจ จำเป็นต้องรอดูภาพเศรษฐกิจข้างหน้า ส่วนระดับการเติบโตในปี 67 ยังสามารถใช้กำลังผลิตของโรงงานที่มีอยู่ได้ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 64.00 บาท/หุ้น อิง P/E 29.8 เท่า ทางฝ่ายประเมินราคาหุ้น โดยใช้ P/E +1STD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่เฉลี่ย 29.8 เท่า โดยคาดการณ์กำไรปี 67 อยู่ที่ 2,540 ลบ. +42.3%y-y ทางฝ่ายฯปรับราคาพื้นฐานปี 67 เพิ่มขึ้นที่ 64.00 บาท/หุ้น ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. กระบวนการผลิตที่มีหลายขั้นตอนอาจส่งผลต่ออัตราส่วนสูญเสียให้มีมาก
  2. ด้านการตลาดและการแข่งขันทางุรกิจส่งผลให้มีการแข่งขันด้านราคา
  3. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- Advertisement -