บล.บัวหลวง:
Thai Oil (TOP TB / TOP.BK)
TOP – กำไรไตรมาส 3/66 แข็งแกร่งตามคาด; คาดเติบโต YoY ในไตรมาส 4/66
เป็นไปตามคาด
TOP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 10,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 902 เท่า YoY และ 10 เท่า QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 8,563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% YoY และ 163% QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาด
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างมาก หนุนโดยกำไรพิเศษจากสต็อกน้ำมัน (ซึ่งกลบผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการป้องกันความเสี่ยงน้ำมัน) และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรหลัก ได้แก่ 1) อัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น, 2) ปริมาณขายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้น และ 3) ค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อัตราการใช้กำลังการกลันของ TOP ในโตรมาส 3/66 อยู่ที่ 110% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 104% ในไตรมาส 3/65 (อุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้น) แต่ลดลงจาก 113% ในไตรมาส 2/66 (เหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ทุ่นจอดเรือเดี่ยวเมื่อวันที่ 3ก.ย.) ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานอะโรเมติกส์อยู่ที่ 74% เพิ่มขึ้นจาก 70% ในไตรมาส 3/65 และ 71% ในไตรมาส 2/66 (optimization) อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานน้ำมันหล่อลื่นในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 79% ลดลงจาก 86% ในไตรมาส 3/65 และ 83% ในไตรมาส 2/66 (optimization) ค่าการกลั่น (market GRM) อยู่ที่ 12.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 6.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 3/65 และ 4.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/66 และ ค่าการกลั่นตลาดรวม (Market GIM) อยู่ที่ 13.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 8.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 3/65 และ 6.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/66 (ค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ขยายตัว)
แนวโน้ม
ถึงแม้ว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวลดลง YoY แต่ TOP มีแนวโน้มรายงานกำไรหลักเติบโตต่อเนื่อง YoY ในไตรมาส 4/66 หนุนโดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น, ปริมาณขายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ที่เพิ่มขึ้น, และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นที่สูงขึ้น แต่ในมุมมองด้าน QoQ เราคาดว่ากำไรหลักจะลดลง เนื่องจากค่าการกลั่น (GRM) ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยบรรเทาการปรับตัวลดลงของกำไรหลักได้บางส่วน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
แม้ว่ากำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 79% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 21,004 ล้านบาท แต่เรายังคงประมาณการของเราดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากเราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ของบริษัทจะลดลง QoQ
คำแนะนำ
คาดการณ์การเติบโต YoY ของกำไรหลักในไตรมาส 4/66 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นของ TOP ได้ต่อไป มูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2567 ที่เพียง 0.6 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.4 เท่าอยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ