บล.บัวหลวง: 

Bumrungrad Hospital (BH TB / BH.BK)

BH – ไตรมาส 2/66 ทำสถิติตามคาด; ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

เป็นไปตามคาด; ผ่านจุดพีคไปแล้ว

BH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ซึ่งทำสถิติที่ 1,954 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 12% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 5 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 15% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

การเติบโตของกำไร YoY และ QoQ เป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ที่ลดลง รายได้การแพทย์อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท (ผู้ป่วยไทย 33% และผู้ป่วยต่างประเทศ 67%) เติบโต 18% YoY และ 11% QoQ แต่ต่ำกว่าเป้าหมายบริษัทที่ 7.0-7.2 พันล้านบาท ซึ่งรายได้จากผู้ป่วยไทยอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทเติบโต 20% YoY และ 6% QoQ ขณะที่รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท เติบโต 18% YoY และ 14% QoQ การฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติส่วนใหญ่มาจากอินโดจีนและฝั่งตะวันออกกลาง ซึ่งหนุนรายได้และกำไรสุทธิของ BH อย่างมาก อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจการแพทย์ในไตรมาส 3/66 ทำสถิติอยู่ที่ 49.8% เพิ่มขึ้นจาก 48.4% ในไตรมาส 3/65 และ 49.6% ในไตรมาส 2/66 ในไตรมาสนี้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 15.5% ลดลง 2.1% YoY และ 0.9% QoQ และ BH มีเงินสดในมือสุทธิ ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่ 9.4 พันล้านบาท

แนวโน้ม

ท่ามกลางหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันออกกลางชะลอตัวลงในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เรามีมุมมองเชิงลบต่อกำไรไตรมาส 4/66 เรามองว่ากำไรรายไตรมาสได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.0 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 โดยได้แรงหนุนหลักจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (โดยเฉพาะผู้ป่วยจากฝั่งตะวันออกกลาง) และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นหลังจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังวันหยุดรอมฎอน (23 มี.ค. 21 เม.ย. 2566) อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 จะลดลงประมาณ 10-15% QoQ เนื่องจากฐานที่สูงในไตรมาส 3/66 และจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่ลดลง (รายได้ที่สูงจากผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนัก) ซึ่งจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจการแพทย์โดยรวมของ BH ในไตรมาส 4/66

กำไรหลักไตรมาส 3/66 จะเติบโต YoY (ธุรกิจผู้ป่วยต่างชาติที่ฟื้นตัว ต่อเนื่อง) และ QoQ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล (ไตรมาสที่สองเป็นช่วงโลว์ซีซั่นสำหรับธุรกิจผู้ป่วยต่างชาติ แม้ฤดูกาลในไตรมาสที่สามอาจจะเบาบางลงในปีนี้ เนื่องจากเดือนรอมฎอนเริ่มต้นในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมี.ค. ไม่ใช่ในไตรมาส 2/66) โดยรายได้การแพทย์จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และ QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจการแพทย์จะขยายตัว YoY และ QoQ ส่วนสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายคาดจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กำไรหลัก 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรปี 2566 และ 76% ของประมาณการตลาดประมาณกำไรหลักทั้งปีของอยู่ที่ 7.0 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 41% YoY) BH ไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในปีนี้ ดังนั้น บริษัทสามารถรักษาเงินสดในมือสุทธิได้ โดยเราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2566 ที่ 51% ซึ่งคิดเป็น 4.50 บาทต่อหุ้น (เทียบเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.9%)

คำแนะนำ

วันนี้ราคาหุ้นปรับตัวลง 6.4% หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/66 เราได้เตือนนักลงทุนตั้งแต่รายงานฉบับล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2566 ไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มที่จะรายงานผลประกอบการต่ำกว่าเป้าหมายของผู้บริหาร ถึงเวลาล็อคกำไร และเราได้ปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จาก ซื้อ เนื่องจากตลาดฝั่งตะวันออกกลางชะลอตัว พลาดเป้าหมายบริษัทในไตรมาส 3/66 และรายได้ผู้ป่วยเคสหนักที่ลดลงอย่างมากในไตรมาส 4/66 BH ซื้อขายที่ PER ปี 2567 ที่ 25.1 เท่า, PEG ที่ 4.43 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ถือ

- Advertisement -