บล.บัวหลวง: 

Pruksa Holding (PSH TB / PSH.BK)

PSH – ต่ำกว่าคาดมาก!

ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดอย่างมาก

PSH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 392 ล้านบาท ลดลง 37% และ 62% QoQ ในระหว่างไตรมาส 3/66 PSHรับรู้กำไรพิเศษจำนวน 155 ล้านบาท จากการโอนบริษัท Lab Plus One Co., Ltd. (ซึ่งดำเนินธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์) ให้กับ InnoQuest Diagnostics One (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท PAH (Thailand) Pte. Ltd. จากสิงคโปร์และ ViMUT Holding Hospital Co., Ltd. หากไม่รวมกำไรสุทธิจากภาษี 124 ล้านบาทและกำไรจากอนุพันธ์ 95 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 173 ล้านบาท ลดลงอย่างมาก 72% YoY และ 67% QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

กำไรที่ลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยที่ลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ลดลง ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 71% โครงการคอนโด 29%) ลดลง 17% YoY และ 7% QoQ ยอดขายโครงการแนวราบอยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ลดลง 4%QoQ ยอดขายโครงการคอนโดอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 41% YoY และ 12% QoQ รายได้ธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YoY และ 8% QoQ รายได้ที่เพิ่มขึ้นหนุนโดยการนำเสนอแพ็กเกจตรวจสุขภาพและแพ็กเกจ ต่างๆ ที่หลากหลาย ให้กับบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทประกันภัย ผู้ป่วยชาวต่างชาติ และผู้ป่วยที่กลับมาใหม่ อัตรากำไรขันต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 30.5% ลดลง 150bps YoY และ 110bps Q0Q (PSH ยังคงเคลียร์โครงการเหลือพร้อมขาย) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 23.8% เพิ่มขึ้น 480bps YoY และ 160bps QoQ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิอยู่ในระดับต่ำที่ 0.31 เท่า ณ สิ้นเดือน ก.ย.

แนวโน้ม

เราคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 4/66 จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ (รายได้ที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล) ยอดขายที่อยู่อาศัยจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ PSH ยังคงเคลียร์โครงการเหลือพร้อมขาย ดังนั้นเราจึงคาดว่าอัตรากำไร ขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยยังคงได้รับแรงกดดันในไตรมาส 4/66 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (รายได้ที่เพิ่มขึ้น)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับลดกำไรหลักปี 2566 ลง 32% เหลือ 1.7 พันล้านบาท (ลดลง 38% YoY) เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่ต่ำกว่าคาด และการคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ชะลอตัวมาก และการปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ลง 39% (ลดลง 1% YoY)

คำแนะนำ

เราและตลาดมีความคาดหวังต่ำต่อ PSH ในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการขายเคลียร์โครงการเหลือพร้อมขายของบริษัท เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 โดยตั้งราคาเป้าหมายใหม่ที่ 9.5 บาท [ลดลงจาก 12.5 บาท) หุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2567 ที่ 16.2 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2549-2564 ที่ 9.5 เท่า) เราแนะนำให้นักลงทุนขายเนื่องจากราคาหุ้นมีมูลค่าสูงเกินไปที่ 71% สูงกว่า PER ระยะยาว (สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่มากกว่า 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

- Advertisement -