เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำคาดการณ์ หนุนตลาดหุ้นฟื้นตัว
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 1.4% ตอบรับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ช่วยลดแรงกดดันด้านดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดทรงตัวประเมินปัจจัยสงครามไม่กระทบเป็นวงกว้าง
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานเงินเฟือประจำเดือน ต.ค. ขยายตัวเพียง 3.2%YoY และทรงตัว MoM ซึ่งต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 3.3%YoY และ 0.1%MoM ด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 4%YoY และ 0.2%MoM ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 4.1%YoY และ 0.3%MoM ข้อมูลเงินเฟือสหรัฐฯพบว่าราคาสินค้าที่ปรับลงทั้ง YoY , MoM ได้แก่ ราคาพลังงาน (-2.5%MoM , -4.5%YoY) ราคาน้ำมันเบนซิน (-5%YoY , -5.3%MoM) ราคารถมือสองและรถบรรทุก (-0.1%MoM – 7.1%YoY) สินค้าที่ราคาปรับลงเพียง MoM ได้แก่ รถยนต์มือหนึ่ง (-0.1%MoM) จากเดือนก่อนหน้า +0.3%MoM ด้วยราคารถยนต์มือหนึ่งที่ปรับลงบางส่วนอาจสะท้อนถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ ภายหลังจากทราบข้อมูลข้างต้นพบว่า US Bond Yield ปรับลง Dollar Index อ่อนค่าแรงสอดคล้องกับเงินบาทแข็งค่าแรงเช่นกันทดสอบระดับ 35.5 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯโดย CME FED Watch ให้น้ำหนักสูงถึง 99.8% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ภาพรวมประเมินเป็นบวกต่อ SET INDEX ในวันนี้
โดยคืนนี้รอติดตามอีกตัวชี้วัดเงินเฟ้อ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 1.9%YoY และ 0.1%MoM หากต่ำกว่าคาดการณ์จะยิ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้น ส่วนในประเทศวานนี้กระทรวงการคลังได้หารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกองทุนพบว่าอนุมัติกองทุน TESG ที่จะลงทุนในหุ้นยั่งยืนของ SET INDEX โดยวงเงินลดหย่อนภาษีอยู่ที่ 1 แสนบาทและแยกจากกองทุน RMF กับ SSF พร้อมจะเสนอต่อ ค.ร.ม. ในวันที่ 21 พ.ย. ปัจจัยข้างต้นเรามองเป็นกลางแม้จะดูจูงใจมากขึ้นต่อการซื้อ เพราะลดระยะเวลาในการถือครองลงเหลือ 8 ปี (SSF 10 ปี) แต่วงเงินมิได้สูงมาก (SSF 2 แสนบาท LTF 5 แสนบาท) อย่างไรก็ตามมองเป็นบวกต่อ หุ้นในกลุ่ม ESG เบื้องต้นประกอบไปด้วย (ADVANC AP BBL CENTEL COM7 CPALL)
วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1390 – 1400 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมได้เช่นเดิมจากระดับ Valuation ที่น่าสนใจ แต่เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO ILM) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (TU) กลุ่มการเงิน (TIDLOR) อสังหาริมทรัพย์ (AP) ส่วนเชิงTrading ระยะสั้นเลือกกลุ่มการเงิน (TIDLOR SAWAD) ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
ผลประกอบการไตรมาส 3/23 ของ TIDLOR ออกมาแข็งแกร่งในหลายแง่มุม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ปรับเพิ่มขึ้น และเบี้ยประกันที่โตต่อเนื่องคือปัจจัยขับเคลื่อนกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งระดับ 1.0 พันล้านบาท (+11.7% YoY, +8.6% QoQ) สืบเนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่ยืดหยุ่นดี ด้านอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ทรงตัวที่ 1.5% อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ยังสูงอยู่ที่ 264.4% เราคาดว่ากำไรจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/23
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 82.00 บาท)
สำหรับแนวโน้มในปี 24 (ต.ค.23-ก.ย.24) เราคาดว่าด้วยมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 23 ที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยบวกให้กับจำนวนผู้โดยสาร ที่จะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนนับตั้งแต่ต้นปี มีจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านคน สูงเป็นลำดับที่ 2 รองจากประเทศมาเลเซียที่มีจำนวน 3.18 ล้านคน