บล.บัวหลวง:
Srisawad Corporation (SAWAD TB / SAWAD.BK)
SAWAD – กำไรดีกว่าคาด! NIM และการตั้งสำรองดีกว่าที่เราคาด
กำไรดีกว่าเราคาดแต่ต่ำกว่าตลาดคาด
SAWAD รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY และ 21% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 13% (จาก NIM ที่สูงขึ้น และอัตราการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าที่คาด) แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 6% กำไรก่อนตั้งสำรองอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% YoY แต่ลดลง 1% QoQ กำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 80% ของประมาณการทั้งปีเดิมของเราที่ 4.7 พันล้านบาท
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
การเติบโตของกำไร YoY และ QoQ หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ โดย สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 มีมูลค่ารวม 9.32 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% YoY และ 6% QoQ โดยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ การเติบโตของสินเชื่อกลบผลกระทบของ NIM ในไตรมาส 3/66 ที่ 17.49% ลดลง 102bps YoY (ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 200bps QoQ (อัตราผลตอบแทนสินเชื่อเฉลี่ยที่สูงขึ้น) อัตราส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 53.6% เพิ่มขึ้น 9bps YoY และ 828bps QoQ
อัตราการตั้งสำรองของ SAWAD ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1.39% (ในไตรมาส 3/65 บริษัทได้กลับรายการตั้งสำรองรวม 121 ล้านบาทไปเป็นรายได้) ลดลง 161bps QoQ อัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 2.62% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 ไปเป็น 2.71% ณ สิ้นเดือน ก.ย. อัตราส่วนการตั้งสำรองลดลงจาก 59.9% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. มาเหลือ 58.5% ณ สิ้นเดือน ก.ย. ตัวเลขเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์อ่อนตัวลงในช่วงไตรมาสดังกล่าว
แนวโน้ม
เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 1.3 พันล้านบาท เติบโต 10% YoY (การเติบโตของสินเชื่อ) แต่ลดลง 4% QoQ (NIM ที่ลดลงและการตั้งสำรองมากขึ้น)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 9% ไปเป็น 5.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 11% YoY) สมมติฐาน NIM ของเราเพิ่มขึ้นจาก 16.2% ไปเป็น 17.7% และเราลดสมมติฐานอัตราการตั้งสำรองลงจาก 2.5% มาเหลือ 2.0% หากมองไป ปี 2567 เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิขึ้น 7% ไปเป็น 5.6 พ้นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% YoY) และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ปรับขึ้นจาก 52 บาท ไปเป็น 54 บาท
คำแนะนำ
PER ปี 2567 ของ SAWAD อยู่ที่ 10.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 9 ปีอยู่ 1.6 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ขณะที่ประมาณการการเติบโตเฉลี่ยสะสมของกำไรสุทธิต่อหุ้น ปี 2567-68 ของเราอยู่ที่ 12% ซึ่งคิดเป็น PEG ที่ 0.9 เท่า นอกจากนี้ PBV ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 9 ปีอยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซื้อ!