บล.บัวหลวง:
Indorama Ventures (IVL TB / IVL.BK)
IVL – กำไรไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าคาดมาก; ไตรมาส 4/66 จะเป็นอีกไตรมาสที่อ่อนแอ
ต่ำกว่าทุกคาดการณ์อย่างมาก
IVL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 195 ล้านบาท ลดลง 98% YoY และ 52% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 218 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรหลักในไตรมาส 3/65 และไตรมาส 2/66 ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราคาด (โดยเราคาดกำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท) และต่ำกว่าตลาดคาด (โดยตลาดคาด 1.9 พันล้านบาท) เนื่องจากปริมาณขายที่ต่ำกว่าคาดและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และอัตราภาษีจ่ายที่สูงกว่าคาด
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
ผลการดำเนินงานหลักอ่อนตัวลงเนื่องจาก: 1) กำไรจากทุกธุรกิจที่ลดลง โดยกำไรจากธุรกิจ PET ลดลง YoY และ QoQ, ธุรกิจ Integrated Oxide & Derivatives (IOD) ลดลง YoY, และธุรกิจไฟเบอร์ ลดลง YoY (ปริมาณขายที่ลดลง และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ลดลง), 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.6%จาก 9.4% ในไตรมาส 3/65, 3) ดอกเบี้ยจ่าย ที่เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ, และ 4) อัตราภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น (YoY และ QoQ)
โดยสรุป ปริมาณขายของ IVL ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 3.4 ล้านตัน (ลดลง 11% YoY และ 7% QoQ) และ core EBITDA/ตัน เฉลี่ยอยู่ที่ 89 เหรียญสหรัฐ (ลดลง 44% YoY และ 4% QoQ)
แนวโน้ม
เราคาดว่ากำไรหลักของ IVL จะลดลง YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/66 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงจากอุปสงค์ในวงกว้างที่ชะลอตัว (การรีสต็อกยังไม่สิ้นสุดลง)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราได้นำผลประกอบการไตรมาส 3/66 มารวมไว้ในประมาณการ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 77% มาอยู่ที่ 1,304 ล้านบาท เราคาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการกำไรของตลาดเช่นกัน ในรายงานฉบับนี้ เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่มาจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 28 บาท (WACC ที่ 9.7% และ Terminal Growth ที่ 2.0%)
คำแนะนำ
ผลประกอบการไตรมาส 3/66 ที่น่าผิดหวัง อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นนอกจากนี้ เนื่องจากกำไรหลักในไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่อง เราจึงไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นที่ชัดเจนในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้น ปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ โดยซื้อขายที่ PBV ปี 2567 เพียง 0.6 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 1.8 เท่าอยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) น่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้นได้บางส่วน เราจึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”