บล.ฟิลลิป:

STEC กำไรลดลงเพราะส่วนแบ่งขาดทุน

ซื้อ TP’67: 13.90

แม้ว่ากำไรงวด 3Q66 จะลดลงทั้ง q-q และ y-y อย่างไรก็ตาม การลดลงนั้น เป็นผลจากส่วนแบ่งขาดทุน รฟฟ.สายสีเหลือง ไม่ได้เกิดจากผลการดำเนินงานตามปกติที่มี Gross Margin ปรับตัวดีขึ้นจาก 2Q66 ที่ 4.39% สู่ 4.69% นอกจากนี้ ทางฝ่ายยังมีมุมมองต่อโครงการภาครัฐที่ Pent-up จะเปิดเข้าประมูลต่อในปีหน้า จึงคาดปีหน้าฟ้าใหม่จะสดใส คาดกำไรปี 67 โต 11%y-y และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

งบรวม

3Q66

2Q663Q65% у-у% q-q9M669M65

% у-у

กำไร

130

154138-6%-16%454543-16%

EPS

0.080.100.09-6%-16%0.300.36

-16%

หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท

  • 3Q66 รายได้เติบโตใกล้เคียงคาดการณ์ไว้: โดยรายได้รวมงวด 3Q66 ที่ 7.89 พันลบ. (+7%q-q, +6%y-y) ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทางฝ่ายคาดไว้ที่ 7.82 พันลบ. โดยการเพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y เป็นผลจากงาน OM ในมอเตอร์เวย์ สำหรับต้นทุนงวด 3Q66 อยู่ที่ 7.5 พันลบ. (+6%q-q, +6%y-y) ซึ่งต้นทุนที่มีมากขึ้นจากโครงการบึงหนองบอน และเติบโตตามรายได้ที่มากขึ้น สำหรับ Gross Margin ขยับจาก 2Q66 ที่ 4.39% ดีขึ้นสู่ 3Q66 ที่ 4.69% อย่างไรก็ตาม ในงวด 3Q66 นี้มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากจำนวนผู้โดยสารที่ทำได้เพียง 4 หมื่นรายต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าระดับ Breakeven ที่ 1 แสนรายต่อวัน จึงทำให้กำโรงวด 3Q66 ทำได้ที่ 130 ลบ. (-16%q-q, -6%y-y)
  • 4Q66 มีมุมมองบวก : ทางฝ่ายยังมองงวด 4Q66-1Q67 จะมีโอกาสรับรู้รายได้ที่มากขึ้นตามฤดูกาลส่งมอบงาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเก็บสะสมกำไร 9M66 มาได้เพียง 454 ลบ. (-16%y-y) ทางฝ่ายจึงคาดกำไรปี 66 จะทำกำไรเพียง 683 ลบ. (-20%y-y) โดยคาดหวังเห็นปี 67 จะมีงานในมือมากขึ้น และคาดกำไรปี 67 จะเติบโตสู่ 756 ลบ. (+11%y-y)
- Advertisement -