ทางขึ้นยังคงต้อนรับ SET / 1,410-1,430

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ไปต่อ แม้ไม่ไกลเท่าเดิม: แรงหนุนจากการคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยได้ข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม หลังสหรัฐฯ เผย PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตขยายตัว 1.3%y-y ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าตลาดคาด และชะลอลงจากเดือนก.ย.ที่ 1.9% y-y และ 2.2% y-y ตามลำดับ และหากเทียบรายเดือน PPI หดตัว 0.5% m-m สวนทางที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.1% m-m และพลิกจากที่ขยายตัว 0.4% m-m ในเดือนก.ย. อีกทั้งเป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.63 ขณะเดียวกันการเปิดเผยข้อมูลศก.ที่อ่อนแอ อย่างยอดค้าปลีกของสหรัฐฯที่หดตัว 0.1% m-m ในเดือนต.ค. พลิกจากที่ขยายตัว 0.9% m-m ในเดือนก.ย. และเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ได้เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการยุติวงจรปรับขึ้ อัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ SET Index ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากการที่นายกฯ ได้เชิญชวนธุรกิจต่างๆ เข้ามาลงในไทย โดยนายกฯ ได้เข้าหารือกับผู้บริหารของ Microsoft รวมถึงผู้บริหารของ Google และได้ปิดดีลการลงทุนในไทยเป็นผลสำเร็จ โดยทั้งสองบริษัทจะมีการเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่าบริษัทละ 1 แสนลบ. นอกจากนี้ แรงกดดันจาก Fund Flow ต่อ SET Index ได้เริ่มผ่อนคลายลง สะท้อนจากการซื้อสุทธิ 3,558.85 ลบ.ของต่างชาติวานนี้ และเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สองครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสิ้นดือน ส.ค. ในทางกลับกัน ทางขึ้นของ SET Index มีแนวโน้มถูกจำกัดจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 2% ปิดที่ $76.66 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน
  • กลยุทธ์การลงทุน :1) ท่องเที่ยว+จับจ่ายใช้สอย: AAV, BTG, CPALL, CPAXT, DOHOME, ERW, GLOBAL 2) ดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด: AEONTS, GPSC, GULF, KTC, SAWAD 3) ศก.จีนส่งสัญญาณฟื้น: NER, PTTGC, STA และ 4) Selective: AMATA, BBIK, BE8, WHA

ปัจจัยบวก

  • ผู้แทนการค้าไทยเผยหลังการหารือกับผอ.ฝ่ายการค้าประจำสถานทุตอังกฤษฯ ว่า นายกฯ อังกฤษ พร้อมต้อนรับนายกฯ ไทยในการเยื่อนอย่างเป็นทางการ คาดการเยือนครั้งนี้จะช่วยสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ  ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การจัดทำ FTA ระหว่างกันต่อไป
  • ปธน.สหรัฐฯ และจีนตกลงกันที่จะกลับมาติดต่อทางการทหารกันอีกครั้ง ซึ่งจีนได้ตัดขาดหลังจากที่นางแนนซี เพโลซี เยือนไต้หวันในเดือนส.ค. 65
  • อังกฤษเผย CPI เดือนต.ค. ขยายตัว 4.6% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.8% y-y ปรับตัวลงอย่างมากจาก 6.7% y-y ในเดือนก.ย. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ CPI เดือนต.ค.ปรับลดลงนั้นมาจากบริการด้านที่อยู่อาศัยและครัวเรือน

ปัจจัยลบ

  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื้อมันภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 88.4 ปรับตัวลดลงจาก 90.0 ในเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ค.65 จากความ ต้องการสินค้าอุตสาหกรรมและภาคการผลิตชะลอตัวลง

PICKS OF THE DAY

AAV BUY

  • เป้าหมาย 2.12 / 2.20 แนวรับ 2.00
  • 4Q66 จะเป็นไตรมาสดีสุดของปี: เข้าสูง high season ของการท่องเที่ยว และเป็น high season ที่ไม่มีโควิด อีกทั้งยังมีมาตรการฟรีวีซ่า โดยเฉพาะ นทท. จีนและอินเดีย ที่ AAV มีส่วนแบ่งตลาด 33% และ 25% ตามลำดับ อีกทั้งจะมีการปรับขึ้นค่าตั๋ว 15-20% จาก 3Q66 ที่เฉลี่ย 1,720 บาท สะท้อนต้นทุนที่สูง จะทำให้ GPM จะดีขึ้น q-q อีกทั้งรอข่าวดีจากการขอลดภาษีสรรพสามิตจากรัฐบาล เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
  • 1Q66 ฟื้นต่อ: 1Q66 เป็น high season ต่อเนื่อง อีกทั้งฟรีวีซ่า นทท. จีน ยังครอบคลุมช่วงตรุษจีน รวมถึงได้มีการเพิ่มเที่ยวบินไปไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า จะได้ผลบวกจากเทศการดังกล่าว ส่วน นทท.อินเดีย มีการเปิดเส้นทางบินใหม่ และเพิ่มเที่ยวบินใน 4Q66 จะส่งผลดีต่อเนื่อง และการบินระหว่างประเทศมากขึ้นแนวโน้มค่าตั๋วสูงขึ้น

KTC BUY

  • เป้าหมาย 50.00 / 52.00 แนวรับ 47.50 / 48.00
  • ส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น : ส่วนแบ่งตลาดบัตรเครดิตทั้งด้านปริมาณพอร์ต จำนวนบัตรเครดิต และยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อใน 4Q66 เนื่องจากเป็นฤดูการจับจ่ายใช้สอย
  • NPL ต่ำ สำรองสูง : KTC มี NPL ณ สิ้น 3Q66 อยู่ที่เพียง 2.3% ของสินเชื่อทั้งหมดเท่านั้น เป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีสำรองสูงมาก โดยมีสูงถึง 443%
- Advertisement -