KS Daily View 16.11.2023 >>>คาดดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,400-1,425 จุด วันนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ อ่อนแอลง เป็นผลดีว่าเฟดน่าจะจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หุ้นแนะนำ AMATA, CPAXT

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.47%, S&P 500 +0.16%, NASDAQ +0.07%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer staples (+0.70%), Communication services (+0.59%), Financials (+0.57%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-0.34%), Utilities (-0.34%), IT (-0.08%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index +29.13 จุด หรือ +2.10% ปิดที่ 1,415.17 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ EA (+9.47%), HANA (+9.04%), GPSC (+8.72%), NEX (+8.63%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ ADVANC (-2.24%), AURA (-1.89%), KTB (-1.08%), BH (-0.88%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,400 – 1,425 จุด ได้แรงหนุนจากดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นที่ 1.3% YoY และยอดค้าปลีกปรับลดลง -0.1% MoM น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้  ส่งผลให้ตลาดมองในแง่ดีว่าเงินเฟ้อจะมีการปรับลดลงได้อีก และการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง ทำให้คาดว่าเฟดน่าจะจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% จากระดับ 2.2% ในเดือนก.ย. และหากเทียบเป็นรายเดือน ดัชนี PPI ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
  2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ย.
  3. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน
  4. สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและส่งให้วุฒิสภาพิจารณา ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันศุกร์ที่ 17 พ.ย.เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์
  5. ปธน.โจ ไบเดน และ ปธน. สี จิ้นผิง พูดคุยโดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน ไบเดนกล่าวว่าทั้งสองจะหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญญาประดิษฐ์ การเจรจาของพวกเขาคาดว่าจะรวมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับสถานะของไต้หวัน และความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและอิสราเอล และคณะเจรจาจีนมีแนวโน้มที่จะขอยกเลิกการควบคุมการส่งออก การเก็บภาษี และข้อจำกัดในการลงทุนในสหรัฐฯ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,425 จุด ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) การรายงานผลประกอบการ 3Q23 ของไทย 2.) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ล่าสุดออกมาที่ 0% MoM และ 3.2% YoY ต่ำกว่าคาด 3.) การพบปะของผู้นำสหรัฐฯ และจีนในการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC คืนวันพุธนี้ 4.) การ review หุ้นเข้าออก MSCI ในวันที่ 14 พ.ย. (เช้าวันที่ 15 พ.ย. ของไทย)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • AMATA (ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท) AMATA รายงานกำไร 3Q66 ที่ 396 ลบ. เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 26% QoQ หนุนโดยกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของเรา ทั้งนี้ในรายละเอียดพบว่า AMATA เริ่มรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในนิคมลองทัน เวียดนาม จากที่ใช้เวลาพัฒนามากว่า 3 ปี แม้ว่ากำไร 9M66 จะคิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปีของเรา แต่ backlog จำนวน 1.06 หมื่นลบ. ที่ยกไป 4Q66 คาดจะช่วยหนุนกำไร 4Q66 ให้แข็งแกร่ง รวมถึงน่าจะได้รับผลดีจากกองทุนลดหย่อนภาษี ESG หุ้นไทยปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AAA
  • Top pick: CPAXT (ราคาพื้นฐาน 42.30 บาท) ราคาปรับตัวลดลงมามาก จากความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาด ขณะที่กำไร 3Q66 อยู่ที่ 1.7 พันลบ. (+4.6% YoY, +10.6% QoQ) ต่ำกว่าสมมติฐานของเรา 10% จากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงกว่าคาด และ GPM ของค่าเช่าที่ลดลง แต่คาดว่าน่าจะได้รับผลดีจากโครงการดิจิตัลวอลเล็ตในปีหน้า รวมถึงกองทุนลดหย่อนภาษี ESG หุ้นไทยปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AAA

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ (Industrial Production) เดือนต.ค. ตลาดคาดที่-0.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% YoY และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาฯ (NAHB Housing Market Index) ของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ตลาดคาดทรงตัวที่ 40 จุดเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของยุโรปทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.3% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ตลาดคาดที่ 4.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.45 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.47 ล้านยูนิต และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.35 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.36 ล้านยูนิต
- Advertisement -