บล.ฟิลลิป:

บัตรกรุงไทย – KTC ยังจะเติบโตต่อใน 4Q66 รวมไปถึงปี 67

Key Point

การเข้าฤดูจับจ่ายใน 4Q66 จะทำให้สินเชื่อของ KTC เติบโตต่อ จากที่เติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ และในปี 67 ก็ยังตั้งเป้าเติบโตต่อ จากการหมดมาตุรการช่วยเหลือของ ธปท. อาจจะทำให้ NPL ในช่วงต้นปี 67 ของ KTC เพิ่มสูงขึ้น แต่การจัดการตัดสูญจะทำให้ NPL ณ สิ้นปี 67 ไม่ต่างจากสิ้นปี 66 นอกจากนี้ KTC ยังมีระดับสำรองที่สูงมาก ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับ NPL ที่เพิ่มได้ ยังคงประมาณการ คงราคาพื้นฐาน แนะนำ “ทยอยซื้อ”

คาดสินเชื่อจะโตต่อใน 4Q66

ปกติในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นฤดูของการจับจ่าย ทำให้ทาง KTC คาดว่าว่าสินเชื่อทั้งสินเชื่อบัตรเครดิตรวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลจะเติบโตต่อได้ แต่ในปี 66 การเติบโตอาจจะไม่โดดเด่นมาก เนื่องจากมีการเติบโตสูงในปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้น่าจะทำให้เป้าที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีสำเร็จได้ โดยทาง KTC ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตในปีนี้ 15% โดย 9 เดือน สินเชื่อเติบโตไปแล้ว 10% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งเป้าเติบโต 10% แต่เติบโตไปแล้ว 13.7% สินเชื่อ KTC Proud ตั้งเป้าเติบโต 7% โดยโตไปแล้ว 6.2% อย่างไรก็ตาม สินเชื่อพี่เบิ้มเป็นสินเชื่อที่ห่างจากเป้าที่ตั้งไว้ 9 พันลบ.ค่อนข้างมาก โดยปล่อยได้เพียง 1.9 พันลบ. อย่างไรก็ตาม ก็เป็นการเติบโตจากปีก่อนค่อนข้างมาก และสินเชื่อลีสซิ่งจาก KTBL ที่ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 3 พันลบ. แต่ปล่อยไปได้ 1.4 พันลบ. โดย KTC เลือกที่จะหยุดการปล่อยไว้ก่อนเนื่องจากมี NPL เพิ่มขึ้น

ตั้งเป้าโตต่อในปี 67

ในปี 67 KTC ยังคงตังเป้าโตต่อ โดยตังเป้าที่จะมีกำไรมากกว่าปี 66 ตังเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 10% ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 15% ตั้งเป้าสินเชื่อ KTC Proud เติบโต 5% ตั้งเป้าสินเชื่อพีเบิ้มปล่อยใหม่อีก 6 พันลบ. และตั้งเป้ารักษาระดับ NPL ไว้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 66

NPL อาจจะเพิ่มสูงขึ้นหลังหมดมาตรการช่วยเหลือของ ธปท.

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จาก ธปท. จะหมดในสิ้นปี 66 นี้ซึ่งอาจจะทำให้ลูกค้าบางส่วนที่เคยถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อปกตินั้น อาจจะตุกชั้นเป็น NPL ซึ่งทาง KTC ประเมินว่าอาจจะทำให้ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.7% จาก NPL ที่มีอยู่ในขณะนี้ 2.3% อย่างไรก็ตาม NPL ที่เพิ่มขึ้นนี้จะเข้าสู่กระบวนการจัดการตามปกติ  ซึ่งจะมีการตัดสูญไปหลังจากผ่าน 180 วัน ซึ่งจะทำให้ NPL กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสิ้นปี และทาง KTC คาดว่า NPL ณ สิ้นปี 67 จะไม่แตกต่างจากสิ้นปี 66 ได้ตามเป้า นอกจากนี้ KTC ยังมีสำรองต่อ NPL ในขณะนี้ถึง 443% ซึ่งน่าจะลดลงเหลือประมาณ 200% หลังจากการเพิ่มขึ้นของ NPL ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอและจะไม่มีผลต่อการตั้งสำรอง รวมไปถึงไม่กระทบกับผลประกอบการ

ยังคงประมาณการ และราคาพื้นฐาน

ทางฝ่ายยังคงประมาณกำไรปี 66 ของ KTC ไว้ที่ 7.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 4.2% y-y และเพิ่มเป็น 7.8 พันลบ. ในปี 67 หรือเพิ่มขึ้น 5.4% y-y ยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 54 บาท ยังมีส่วนต่างอยู่พอสมควรยัง แนะนำ “ทยอยซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระหนี้
  2. ความเสี่ยงอันเกิดจากการควบคุมของรัฐ
  3. ความเสี่ยงอันเกิดจาก สภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ
- Advertisement -