KS Daily View 20.11.2023 >>> คาดกลุ่มพลังงานฟื้นตัว หลังราคาน้ำมันดิบรีบาวน์ 4% คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,425 จุด หุ้นแนะนำเก็งกำไร PTTEP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA +0.01%, S&P 500 +0.13%, NASDAQ +0.08%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+2.12%), Financials (+0.55%), Industrials (+0.59%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Communication Services (-0.48%), IT (-0.28%), Health Care (-0.19%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +0.44 จุด หรือ +0.03% ปิดที่ 1,415.78 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ CBG (+5.26%), CKP (+4.28%), BTG (+3.67%), COM7 (+3.14%)เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ HANA (-3.87%), KTC (-3.17%), KCE (-2.90%), BCP (-2.29%) เป็นต้น

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ โดยทางสำนักข่าว Reuters รายงานว่ามีโอกาสที่ทางกลุ่ม OPEC+ จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 5.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน แบ่งเป็นการปรับลดของกลุ่ม 3.66 ล้านบาร์เรล และที่เหลือเป็นการลดโดยสมัครใจของทางซาอุฯ และรัสเซีย ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ฟื้นตัว 4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็น US$81.19/bbl

2.) คาดจะเห็นการเก็งกำไรหุ้นที่จะถูกคัดเลือกเข้า SET50/SET100 ในรอบ 1H24 โดยจะใช้ราคาปิด ณ 30 พ.ย. เพื่อกำหนด market cap. ก่อนประกาศผลช่วงกลางเดือน ธ.ค. โดยหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้า SET50 ได้แก่ KCE, ITC ส่วนตัวที่ถูกคัดออกคือ INTUCH, TLI สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเข้าได้แก่AEONTS, ICHI, ITC, M, MOSHI, RBF, SAPPE, SC, SISB, TKN ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกได้แก่ ACE, CKP, INTUCH, MBK, SABUY, THANI, THG, TIPH, TLI, TQM

3.) ประชาชาติธุรกิจรายงานข่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาฯ เรียกร้องรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติม เช่น การลดค่าโอน+จำนองจาก 3% เหลือ 0.01% ฟื้นนโยบายบ้านดีมีดาวน์ ปลดล็อก LTV ลดหย่อนภาษี ดึงกำลังซื้อต่างชาติช็อปคอนโดฯ เป็นต้น หลัง REIC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/66 ดีมานด์ทั่วประเทศมีจำนวน 94,946 หน่วย ลดลง -7.0% YoY มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ 267,655 ล้านบาท ลดลง -2.6%YoY และจำนวนหน่วยที่ได้รับใบอนุญาตจัดสรรที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ มีจำนวน 17,087 หน่วย ลดลง -48.7% YoY และติดลบเป็นไตรมาสแรกในรอบ 7 ไตรมาสที่ สะท้อนว่าบ้านแนวราบเริ่มลดซัพพลายลง

4.) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า หลังจากนี้เฟทโก้จะมีการนัดหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อจะนำเสนอมาตรการทบทวนเงื่อนไขกองทุน SSF ซึ่งจะหมดอายุในปี 2567 รวมถึงการออมเพื่อการศึกษาของเด็ก และเรื่องกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

5.) ททท. เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลไทยออกมาตรการเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption หรือวีซ่า-ฟรี) และขยายระยะเวลาเป็น 60 วัน จาก 30 วัน สำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ส่วนประเทศที่จะพิจารณาขยายวีซ่า-ฟรี เบื้องต้น คือสหราชอาณาจักร เยอรมนี กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และบางประเทศในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ทั้งนี้สำหรับนักท่องเที่ยวยุโรป มีสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยทั้งหมด โดยปี 2565 ระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 18.55 คืน มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวสูงกว่า 66,000 บาทต่อทริป ขณะที่ต้นปี 2566 ค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวเพิ่มแตะ 80,000 บาทต่อทริป

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,400-1,440 จุด บนความคาดหวัง Soft Landing ของตลาด โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ ได้แก่

1.) ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของไทย

2.) Fund flow สะท้อนผ่านทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีล่าสุดปรับตัวลง -12bps. เป็น 3.02%

3.) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค., ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆได้แก่ ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตรดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ย.ของจีน

4.) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลไทยในด้านต่างๆ เช่น การบริโภค, การท่องเที่ยว, อสังหาฯ, โครงการลงทุนภาครัฐ เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัวกว่า 4% เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาบนความคาดหวัง OPEC+ จะลดกำลังการผลิตเพิ่มจากปัจจุบันที่ลดกำลังการผลิตกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะมีการประชุมในวันที่ 26 พ.ย. นี้

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลข GDP 3Q23 ของไทยคาด +2.0% YoY ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Loan Prime Rate) ระยะ 1 ปี และ 5 ปี ตลาดคาดธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่อัตราเดิม
  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 3.93 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.96 ล้านยูนิต ต่อด้วยประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นาง Christine Lagarde มีกำหนดให้สัมภาษณ์ที่ Berlin และบันทึกผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC minutes) ในช่วงข้ามคืน
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐ (Durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.7% MoM และตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐที่ไม่รวมยานยนต์ (Core durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.5% MoM ปิดท้ายด้วยช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (University of Michigan – UOM)สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 60.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 63.8
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออก-นำเข้า รวมถึงตัวเลขดุลการค้าของไทยเดือน ต.ค.  ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของยุโรป สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 43.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.1
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo business climate) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 87.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.9 และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 50 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50
- Advertisement -