วันนี้คาดตลาด “Sideway Up”

แนวรับ 1,408 / 1,400 แนวต้าน 1,423 / 1,432

คาดตลาดจะรอดูการรายงาน FOMC Meeting Minute ขณะที่ต้องระมัดระวัง US-Bond Yield รีบาวด์จำกัด Upside บ้าง / ราคาน้ำมันรีบาวด์ขึ้นจากความหวัง OPEC+ อาจขยายนโยบายลดกำลังการผลิตออกไป

Our View? “แกว่งขึ้นในกรอบจำกัด”

คาดตลาดวันนี้ Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,408 / 1,400 และแนวต้านที่บริเวณ 1,423 / 1,432 เรายังมองตลาดไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดี หลังรับรู้ความหวังดังกล่าวไปบ้างพอสมควรแล้ว สะท้อนจาก CME FEDWatch Tool ล่าสุดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ที่น้ำหนัก 100.0% ในช่วงการประชุมเดือน ธ.ค.66 และ ม.ค 67 ขณะที่คาดอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลดลงในช่วงเดือนพ.ค. – มิ.ย.67 ขณะที่เราคาดว่าตลาดจะเริ่มให้ความสนใจกับการรอติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เดือน ต.ค. ที่ผ่านมาในวันที่ 22 พ.ย. นี้ เพื่อยืนยันคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ FED ในระยะถัดไป ทั้งนี้ติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) ที่ปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้าเริ่มมีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้บ้างคาดเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดได้ในระยะสั้น

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. เมื่อคืนนี้พยายามรีบาวด์ขึ้นต่อปิดที่ระดับ 77.83 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.79 ดอลลาร์ (+2.35%) คาดได้รับแรงซื้อกลับ (Cover-Short) หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้า ขณะที่เริ่มมีการพูดถึงแนวโน้มที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) มีโอกาสขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมเพื่อประคองราคาน้ำมันหลังปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาในวันที่ 26 พ.ย. นี้คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรามองเป็นเพียงการรีบาวด์ในระยะสั้นเรายังคงมุมมองอุปทานน้ำมันในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง โดยสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเดือนต.ค. ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียได้ยกเลิกแผนการระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินหลังสามารถกลับมาสต็อกน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว คาดยังกดดัน-จำกัด Upside ของราคาน้ำมันได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเมื่อวานนี้เรามีมุมมองเชิงลบต่อการรายงานตัวเลข GDP’3Q’66 ของไทยออกมาต่ำกว่าคาดที่ระดับ +0.8%QoQ/+1.5%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +1.3%QoQ/+2.2% YoY จากการส่งออกที่หดตัวในช่วงที่ผ่านมา พร้อมทั้งการบริโภคของภาครัฐหดตัวลงจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Covid-19 ลดลงไป ขณะที่ปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 66 จะเติบโตเพียงแค่ 2.5% จากเดิมคาด 2.5-3.0% ในส่วนของปีหน้าคาดจะโตที่ระดับ 2.7-3.7% เรามองเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่

อย่างไรก็ตามเรายังแนะนำติดตาม 1.) การออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน สำหรับโครงการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะแจกผู้มีรายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นบาทหรือมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท ใช้จ่ายภายในอำเภอ ครอบคลุมผู้มีสิทธิ์ราว 50 ล้านราย ใช้งบประมาณราว 5 แสนล้านบาท แม้เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อย่างไรก็ดีการออก พ.ร.บ. ดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ 2.) ติดตามการออกกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ กำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 1แสนบาท/ราย (ไม่นับรวมกองทุนเพื่อการออมอื่นๆ) มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big-Mid Cap ที่มี ESG Rating ระดับ AAA 34 บริษัท อาทิ ADVANC, CPALL, CPAXT, CRC, KBANK, OR, PTT, PTTEP, PTTGC,SCC, SCGP ฯลฯ แต่เราไม่คาดว่าเม็ดเงินจากการลงทุนใน TESG จะเข้ามาเร็ว คาดต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “AWC”

  • ผลประกอบการ 3Q66 ออกมา 1.13 พันล้านบาท ปรับตัวขึ้นแม้เป็น ช่วง Low Season จากการเติบโตในทุกธุรกิจ ขณะที่เราคาดว่า 4Q’66 เข้าสู่ช่วง High Season คาดผลกำไรมีโอกาสเติบโตขึ้นต่อเนื่อง คาดจะหนุนทิศทางราคารีบาวด์ขึ้นได้ทางเทคนิค ราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นหลัง
  • Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลง พร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น พร้อม MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อแนะนำ “เล่นรีบาวด์”
  • กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 3.72 / 3.62 Target 4.20 / 4.44  Stop < 3.54

 

- Advertisement -