ตลาดหุ้นวานน้ี :

SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด โดยปิดทรงตัว +0.48 จุด โดยปรับตัวลงใกล้แนวรับ 1,600 จุด ช่วงเปิดตลาดตามคาด จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯ และ Bond Yield ที่ปรับขึ้น แต่ตลาด TIPS แกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าเอเชีย โดยรวมสถาบันในประเทศยังขายสทุธิในตลาดหุ้นอีก 1.4 พันลบ. ครีขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง 1.1 พันลบ. (และ Long Index Future อีก 1.2 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันน้ี:

เราประเมิน SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,610- 1,625 จุด บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายขึ้นบ้าง จาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่เริ่มย่อตัวระยะสั้น แต่โดยรวมยังขาดประเด็นบวกใหม่ และกระเด็นเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังเร่งตัว อาจลากยาวถึงปี 2022 ยังเป็นแรงส่งให้ Dollar Index พุ่งขึ้น ทำ New High ในรอบ 10 เดือน ยังคงกดดันกระแสเงินทุนให้ไหลออกจากเอเชีย อย่างไรก็ตาม เรามองว่าไทยจะถูกกระทบจำกัด และคาดตลาดให้น้ำหนักเชิงบวกกับการ Reopening เศรษฐกิจในประเทศมากกว่า โดยวานนี้ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ด้วยมติเอกฉันท์ และคาด GDP ปี 2022 โตในอัตราเร่ง ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในระยะนี้ยังอยู่ที่สถานการณ์น้ำท่วม ว่าจะลุกลามมากน้อยเพียงใด แต่คาดไม่รุนแรงเท่าปี 2011 กลยุทธ์ยังมองจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงหาระดับ 1,600 จุด หรือต่ำกว่า เป็นจังหวะ “ทยอยสะสม” หุ้นกลุ่ม Value และ Reopening Play ได้แก่ กลุ่ม ธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ ซึ่งจะได้อานิสงส์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 4Q21-2022

กลยุทธ์: เน้นเก็งกำไรหุ้น Value Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว //ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,600 จุด หรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, CRC, M, TACC

หุ้นเด่นวันนี้: CK

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2022 ท่ี 25 บาท
  • โมเมนตัมกำไรกำลังเข้าสู่ขาขึ้นรอบใหญ ทั้งธุรกิจรับเหมาฯ หลังคลาย Lockdown และคาดได้งานโครงการใหญ่เพิ่มหนุน Backlog แตะ 1 แสนลบ.อีกครั้งสิ้นปีนี้
  • ส่วนบริษัทลูกมีแนวโน้มเติบโตโตแข็งแรงทั้ง CKP TTW ส่วน BEM อยู่ในช่วงของการฟื้นตัวหลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย เราคาดกำไรปี 2021-2022 ของ CK +48% Y-Y และ +63% Y-Y ตามลำดับ
  • แนวรับ 20-20.20 บาท แนวตา้ น 21//21.50 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาค และเร่งขึ้นเป็น US$1,771 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,385 ล้าน และ US$485 ล้าน ตามลำดับ แต่ตลาดอาเซียนโดยรวมยังค่อนไปในทางไหลเข้า นำโดยอินโดนีเซียและไทย US$118 ล้าน และ US$33 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศ ทางไหล ความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อาจลากยาวถึงปี 2022 ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่า ที่ประเมิน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กนง.คงดอกเบี้ยตามคาดท่ี 0.5% ดว้ยมติเอกฉันท์สอดคล้องกับที่ประเมิน และคาด GDP ปี 2021 +0.7%Y-Y ซึ่งปรับลงตั้งแต่เดือน ส.ค.21 ส่วนปี 2022 คาดเร่งตัว +3.9%Y-Y แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยต้องติดตามการระบาดควบคู่การผ่อนคลายมาตรการ รวมถึงแรงสนับสนุนจากภาครัฐ โดยรวมยังมองบวกต่อกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร ธนาคาร ขนส่ง ท่องเที่ยว

(+) CFRESH คาดกำไร 2H21 เติบโตโดดเด่น จาก 1) ราคาขายกุ้งแช่แข็งทั่วโลกท่ีทรงตัวถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2) ต้นทุนวัตถุดิบกุ้งขาวทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ 3) บาทอ่อน 4) ต้นทุนคงที่ลดลงจากการลดจำานวนคนงาน ซึ่งชดเชยค่าระวางเรือตู้ที่เพิ่มขึ้นได้หมด คาดกำไร 3Q21 โตก้าวกระโดด +216% Q-Q และพลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ประเมินราคาเป้าหมายกลางปี 2022 ที่ 4.70 บาท เรามองจังหวะพักตัวของราคา เป็นโอกาส “ซื้อ”

(+) CPANEL ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นผนัง รวมถึงส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป จุดเด่น คือ การต่อยอดสินค้าให้เป็น High Value และพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยี และใช้ระบบ Fully Automated ปัจจัยการเติบโตมาจากตลาดอหังสาฯแนวราบที่ขยายตัว และนิยมใช้ Precast มากขึ้น เราคาดกำไรในช่วงปี 2021-2023 +83%CAGR พร้อมประเมินราคาเป้าหมายท่ี 9.00 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

(+) UBE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉยีงเหนือตอนล่าง โรงงานตั้งอยู่ในแหล่งเพาะปลูก มีต้นทุนในการจัดหาวัตถุดิบต่ำ และรองรับวัตถุดิบได้หลายประเภท ธุรกิจเอทานอลเป็นฐานรายได้ที่มั่นคงแต่เติบโตต่ำ การเติบโตของ UBE ในอนาคตจะมาจากธุรกิจแป้งมันออร์แกนิค และแป้งฟลาว ซึ่งมีอัตรากำไรสูง เราคาดกำไรปี 2021-2023 เติบโต 190%/52%/21% ตามลำดับ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 3.30 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 90.73 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 34,390.72 จุด จากแรงซื้อหุ้น Defensive Stock อย่างหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และสินค้าบริโภค ขณะที่ติดตามสภาคองเกรสในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการในเชิงบวก และข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมถูกกดดันจากการปรับลงของดัชนี Nasdaq ขณะที่ติดตามจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเดือน ก.ย.ในเช้าน้ี

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.93 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางนักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล รวมถึงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 14.6 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดท่ี 1,722.9 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเฟดอาจปรับลดวงเงิน QE เร็วกว่าคาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 990.03 / +-

- Advertisement -