บล.พาย:

BANKING: อุปสงค์สินเชื่อต่ำในเดือน ต.ค. (OVERWEIGHT)

TOP PICK BBL, KTB

สินเชื่อสุทธิเดือน ต.ค. ลดลง 0.7% MoM ทำให้งวด 10 เดือนโตเล็กน้อย 0.2% YTD ธนาคารส่วนใหญ่มีสินเชื่อลดลงในเดือนต.ค. ขณะที่ BBL, LHFG และ TISCO มีสินเชื่อโตเล็กน้อย ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าอุปสงค์ต่อสินเชื่อจะอ่อนแอในเดือน ต.ค. แต่อุปสงค์ต่อสินเชื่อในไตรมาส 4/23 กลับโตขึ้น หนุนจากการส่งออกและการใช้จ่ายช่วงวันหยุดที่สูงขึ้น เราคาดว่าสินเชื่อโดยรวมของกลุ่มจะโต 1.1% QoQ ในไตรมาส 4/23 จึงยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อทั้งปีที่ 2.1% YoY ในปี 2023 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า GDP ไทยจะโต 2.7%-3.7% ในปี 2024 เทียบกับคาดการณ์ว่าจะโต 2.5% ในปี 2023 คาดว่าอุปสงค์ต่อสินเชื่อจะปรับดีขึ้นในปี 2024 หลังจากจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จในเดือน ส.ค. เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะสูงขึ้นเป็น 3.7% YoY ในปี 2024 เพราะมองว่ามาตรการใหม่ของรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอุปสงค์ต่อสินเชื่อ ขึ้นได้ โดยยังคงมุมมอง “บวก” ต่อกลุ่มธนาคาร เลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด้น

สินเชื่อสุทธิโดยรวมลดลง 0.7% MoM ในเดือน ต.ค.

  • สินเชื่อสุทธิโดยรวมสำหรับธนาคาร 10 แห่งปรับลดลง 0.7% MoM ในเดือน ต.ค. ธนาคารส่วนใหญ่มีสินเชื่อสุทธิลดลงในเดือนต.ค. ต่ำสุดคือ TTB ที่ลดลง 1.5% MoM ส่วนธนาคารอื่นที่มีสินเชื่อสุทธิลดลงคือ BAY, CIMBT, KBANK, KKP, KTB, และ SCB ส่วน BBL, LHFG, และ TISCO มีสินเชื่อที่โตเล็กน้อย
  • สินเชื่อที่ลดลงในเดือน ต.ค. ทำให้สินเชื่อโดยรวมของกลุ่มสำหรับงวด 10 เดือนปรับเพิ่มแค่ 0.2% YTD (ม.ค. – ต.ค.) ธนาคาร ส่วนใหญ่มีสินเชื่อที่โตขึ้นในงวด 10 เดือน นำโดย TISCO ส่วน KBANK และ TTB มีการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลงเพราะเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดและการบริหารพอร์ตสินเชื่อภายใน

คาดการเติบโตของสินเชื่อไตรมาส 4/23 จะโตขึ้นจากการส่งออกและการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดที่สูงขึ้น

  • แม้อุปสงค์สินเชื่อจะอ่อนแอในเดือน ต.ค. แต่เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มจะโตต่อเนื่อง 1.1% QoQ ในไตรมาส 4/23 หลักๆ เป็นเพราะการส่งออกและการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดที่สูงขึ้น คาดการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี 2023 จะโตแต่ชะลอลงเป็น 2.1% YoY ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2019 ที่โตไป 1.2% YoY แต่มีโอกาสที่การบริโภคส่วนหนึ่งที่ควรเกิดขึ้นในไตรมาส 4 จะเลื่อนไปเป็นไตรมาส 1/24 หลังจากที่รัฐบาลเพิ่งประกาศมาตรการด้าน e-refund ซึ่งเป็นมาตรการจูงใจทางภาษีที่ปัจเจกบุคคลผู้ที่ใช้จ่ายไม่เกิน 50,000 บาทจะสามารถยื่นขอเงินคืนทางภาษีได้ในไตรมาส 1/23
  • แม้จะมีมุมมองระมัดระวังแต่ก็มองบวกต่อภาพรวมการเติบโตทางสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร คาดโต 3.7% YoY หนุนจากเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ สศช. คาดว่า GDP ไทยจะโต 2.7%-3.7% ในปี 2024 สูงกว่า +2.5% สำหรับปี 2023

คงมุมมอง “บวก” ต่อกลุ่ม เลือก BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่น

  • คงมุมมอง “บวก” เพราะ 1) แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิที่มั่นคง 2) งบดุลยึดหยุ่นดี (อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ และฐานเงินทุนที่สูง) พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอน 3) ปันผลสูง และ 4) ราคาหุ้นที่น่าดึงดูด ปัจจุบันมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 0.5x PBV’24E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี
  • แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่พื้นฐานกลุ่มธนาคารไทยยังแข็งแกร่ง ด้วยค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและฐานเงินทุนที่มากพอ เราชอบธนาคารที่ 1) งบดุลแข็งแกร่ง 2) มีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น 3) มีสัดส่วนสินเชื่อ SME และผู้บริโภคน้อย และ 4) ราคาหุ้นน่าดึงดูด
  • จากเกณฑ์ข้างต้นเราจึงชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าขนาดเล็กและกลาง เลือก BBL (“ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 203.00 บาท) และ KTB (‘ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 23.00 บาท) เป็นหุ้นเด่น

อุปสงค์สินเชื่ออ่อนแอในเดือน ต.ค. จากเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า

  • สินเชื่อสุทธิของกลุ่มในเดือน ต.ค. พลิกเป็น -0.7% MoM จาก +0.9% MoM ในเดือน ก.ย. เรามองว่าสาเหตุที่ทำให้การเติบโตของสินเชื่อลดลงในเดือน ต.ค. เป็นผลจากเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด การชำระหนี้ และเศรษฐกิจที่โตช้า ในแง่นี้ LHFG มีสินเชื่อเด่นสุด โต 0.9% MoM ตามด้วย TISCO (+0.2%) และ BBL (+0.05%) ส่วนธนาคารที่มีสินเชื่อสุทธิลดลงมากว่า 1% คือ TTB (-1.5% MoM), CIMBT (-1.2% MoM), KTB (-1.2% MoM), Ila: SCB (-1.2% MoM)
  • การเติบโตของสินเชื่อสุทธิงวด 10 เดือนของปี 2023 อยู่ที่ 0.2% YTD ต่ำกว่า 3% ของงวด 10 เดือนปี 2022 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ 1) เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าหลังจาก GDP ไทยไตรมาส 3/23 โตต่ำคาดที่ 1.5% และ 1.9% ในงวด 9 เดือน 2) การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าในปลายเดือน ส.ค. หรือ 3 เดือนหลังเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 3) การบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อของกลุ่มธนาคารเพื่อระบายงบดุล โดยเฉพาะ KBANK
  • เงินฝากของกลุ่มโต 0.7% MoM นำโดยเงินฝากที่สูงขึ้นจาก BAY และ KTB แต่เงินฝากของกลุ่มสำหรับงวด 10 เดือนปรับลดลงเล็กน้อย 0.5% YTD
  • อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากสุทธิปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 88.6% ในเดือน ต.ค. เทียบ 89.8% ในเดือน ก.ย. สะท้อนว่าสภาพคล่องของระบบธนาคารยังยึดหยุ่นดี

 

 

- Advertisement -