บล.บัวหลวง:
Bank – สินเชื่อลดลงในเดือน ต.ค. แต่คาดเพิ่มขึ้นปลายปีนี้ (OVERWEIGHT)
สินเชื่อของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ปรับตัวลดลง 0.7% MoM ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2566 เนื่องจากการชำระหนี้ของบริษัทและหน่วยงานของรัฐ แต่เราคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2566 หนุนโดยอุปสงค์เงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อรายย่อย โดยเราชอบ BBL และ KTB มากที่สุดในกลุ่ม สินเชื่อสุทธิรวมลดลง MoM ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2566ธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราให้คำแนะนำ รายงานสินเชื่อสุทธิรวมที่ 10.9 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนต.ค. ลดลง 0.7% MoM เนื่องจากการชำระคืนของบริษัทและหน่วยงานของรัฐ สินเชื่อสุทธิที่ลดลงน้ำโดย TTB (ลดลง 1.5%MoM; การชำระคืนขององค์กร) , SCB (ลดลง 1.2%; การชำระคืนขององค์กร) , KTB (ลดลง 1.2%; การชำระคืนของหน่วยงานของรัฐ) , KKP (ลดลง 0.5%; สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วที่ลดลง) และ KBANK (ลดลง 0.2%; การชำระคืนองค์กร) ในทางตรงกันข้าม สินเชื่อสุทธิของ TISCO เพิ่มขึ้น 0.2% MoM โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อองค์กรและ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ BBL รายงานสินเชื่อทรงตัว MoM (สินเชื่อองค์กรที่เพิ่มขึ้นถูกกลบด้วยการชำระคืนเงินกู้ระหว่างประเทศ)
เมื่อมองไปยังเงินฝากรวม หุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 12.4 ล้าน ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% MoM (รูปที่ 2) การเพิ่มขึ้นของเงินฝากส่วนใหญ่มาจากบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) KTB, TISCO, BBL และ TTB รายงานการเติบโตของเงินฝาก ในทางตรงกันข้ามเงินฝากของ SCB และ KBANK ลดลง MoM; เงินฝากของ KKP ทรงตัว MoM
ดาวน์ไซต์เล็กน้อยต่อประมาณการการเติบโตของสินเชื่อธนาคารของเราในปี 2566…
สินเชื่อสุทธิรวมของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 10.9 ล้านล้านบาทณ สิ้นเดือน ต.ค. 2566 ลดลง 0.2% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เราคาดว่า สินเชื่อจะเติบโตในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2566 โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์เงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อรายย่อยที่สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่เรามองเห็นความเสี่ยงขาลงเล็กน้อยอยู่ที่ 1-2% จากประมาณการการเติบโตของสินเชื่อกรณีฐานปี 2566 ที่ 2.7% YoY (รูปที่ 1) เนื่องจากธนาคารบางแห่งได้บริหาร จัดการหนี้เสียและมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดในปี 2566 (BBL, KBANK, KKP, KTB, SCB และ TTB) ในทางตรงกันข้ามเราคาดว่า TISCO จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2566 มูลค่ากำไรสะสมรวมของธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.72 หมื่นล้านบาทจากสิ้นเดือน ก.ย. (รูปที่ 3) การเปลี่ยนแปลงกำไรสะสมบ่งชี้แนวโน้มกำไรสุทธิรวมในเดือน ต.ค. ค่อนข้าง น่าเชื่อถือ แต่จะมีการปรับการตั้งสำรองฯ และกำไร/ขาดทุนจากราคาตลาดในงบการเงินไตรมาส 4/66
..แต่มีความเสี่ยงจำกัดต่อประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ
กำไรสุทธิรวมใน 9 เดือนแรกของปี 2566 ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำคิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปีของเรา ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าประมาณการกำไรรวมปี 2566 ของเรามีดาวน์ไซด์ที่จำกัด หากกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำรายงานการเติบโตของสินเชื่อรวมในปี 2566 ต่ำกว่าเราคาด ผลกระทบจะถูกกลบด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เฉลี่ยที่ต่ำกว่าที่เราคาดในปัจจุบัน