ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวลงปิดลบ 11.30 จุด อ่อนแอกว่าที่เราคาด โดยแรงขายกระจายตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งแรงกดดันจากบาทที่อ่อน รวมถึงจับตาสถานการณ์น้ำท่วม สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 2.8 พันลบ. และ 1.2 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Short Index Future ถึง 3.9 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เราประเมิน SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยระหว่างวันอาจมีจังหวะหลุดแนวรับ 1,600 จุดได้ โดยภาพรวมบรรยากาศการลงทุนยังขาดปัจจัยบวกใหม่ ตลาดยังกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ยังเร่งตัวในช่วงปลายปี และอาจลากยาวถึงปีหน้า ซึ่งส่งผลให้ Dollar Index ยังอยู่ในแนวโน้มแข็งค่ากดดันสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ไทยมีปัจจัยความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมที่ต้องจับตา อย่างไรก็ตาม หากเริ่มเห็นสัญญาณปัญหาน้ำท่วมในทิศทางที่ดีขึ้น เราประเมินว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยเราให้น้ำหนักบวกกับการคลาย Lockdown Reopening เศรษฐกิจมากกว่า กลยุทธ์เน้น “ถือลงทุน” ส่วนที่สะสมไปแล้ว และเน้นลงทุนในกลุ่ม Value และ Reopening Play ได้แก่ กลุ่ม ธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ ซึ่งจะได้อานิสงส์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 4Q21-2022

กลยุทธ์: เน้นเก็งกำไรหุ้น Value Play และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : CFRESH, CK, KBANK, KCE, ORI

หุ้นเด่นวันนี้: NER

  • แนะนำ “ ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9 บาท
  • คาดกำไร 3Q21 + 6% Q-Q และโต 3 เท่าตัว Y-Y จากปริมาณขายที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ Gross Margin ยังทำได้ดีใกล้เคียง 2Q21 โดยรวม Operation ยังดีมาก แต่จะมี FX Loss มาถ่วงจากบาทที่อ่อนเร็ว
  • แนวโน้มกำไร 4Q21 คาดดีต่อเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล ก่อนเข้าช่วงปิดหน้ายางในไตรมาส 1 ของทุกปี เราคาดกำไรปี 2021 + 80% Y-Y ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PE เพียง 7.6 เท่า ช่วยจำกัด Downside
  • แนวรับ 7.60-7.70 บาท แนวต้าน 7.95-8I / 8.40 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$ 584 ล้านอนำโดยอินโดนีเซียและไต้หวัน US$ 269 ล้านและ US$ 246 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยไหลออกเช่นกัน อีก US $ 34 ล้าน ไม่มีประเทศไหลเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก ประเด็นกดดันยังคงอยู่ที่ความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส่งผลให้ Dollar Index ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่ากดดันกระแสเงินทุนในเอเชีย

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ต.ค. 21 เราประเมินกรอบ SET Index เดือน ต.ค. ที่ 1,580-1,660 จุด โดยคาดแกว่งตัวบริเวณแนวรับ 1,600 จุด ในช่วงต้นเดือน ต.ค. รอดูความชัดเจนของสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งคาดไม่รุนแรงเท่าปี 2011 และหากเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น คาดตลาดจะแกว่งบวกได้ในระยะถัดไป ส่วนประเด็นการเริ่มลด QE ของ FED เรามองกระทบหุ้นไทยจำกัด เพราะต่างชาติไม่ได้ซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่แล้ว และยังให้น้ำหนักบวกกับการคลาย Lockdown และกลับมาเปิดเมืองมากกว่า รวมถึงเชื่อว่าตลาดจะมองข้ามกำไร 3Q21 ที่จะแย่สุดก่อนฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป เรายังเน้นกลุ่ม Reopening Play รวมถึง Value Play ที่คาดได้ประโยชน์จาก Sector Rotation จากความกังวลเงินเฟ้อ หุ้นแนะนำเดือน ต.ค. ได้แก่ CFRESH CK KBANK KCE ORI

(+) TU-SFLEX ร่วมทุนตั้งบริษัท Flexible Packaging ในสัดส่วน 50: 50 คาดแล้วเสร็จ และรับรู้รายได้ 3Q22 เป็นต้นไป เรามองบวกต่อทั้ง TU ที่ใช้ Flexible Packaging อยู่แล้วและช่วยลดต้นทุน ขณะที่ SFLEX คาดได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เพิ่ม เรายังคงราคาเป้าหมาย TU ที่ 30 บาท และ SFLEX ที่ 7.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SMPC สถานการณ์การขาดแคลนเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรเทาลงและบาทอ่อน ส่งผลบวกต่อกำไร 3Q21 ที่คาดฟื้นตัว +4% Q-Q, +10% Y-Y แต่หากดู 9M21 คาดว่าจะทรงตัว Y-Y เพราะต้นทุนเหล็กและค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นเร็วในช่วงต้นปี เราคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2021 +5% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 13.50 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นมาพร้อมๆ กับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยบวกเรื่องค่าเงินไปแล้วจนเหลือ Upside แคบ จึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ”

(+) DPAINT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสีทาอาคารสินค้าครอบคลุมหลายระดับราคา และการใช้งานรวมถึงช่องทางจัดจําหน่ายทั้ง Modern Trade ร้านค้าปลีก และงานโครงการแบรนด์เป็นที่ยอมรับกว่า 43 ปี และมีการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ขณะที่ภาพรวมได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคก่อสร้าง เราประเมินกำไร 3 ปีข้างหน้า +29% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 9.80 บาท (Finansia อาจเป็นผู้จัดจำหน่ายฯ )

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 546.80 จุด หรือ 1.59% ปิดที่ 33,843.92 จุด จากความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ รวมถึงกดดันจากความกังวลในประเด็นเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด,  สภาคองเกรสอาจอนุมัติปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 11,000 ราย เป็น 362,000 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 335,000 ราย

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกดดันหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ

(-) ตลาดเอเชียปรับลงตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ และติดตามญี่ปุ่นรายงานความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) 3Q21 รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก. ย. และอัตราว่างงานเดือน ส. ค. ในเช้านี้ ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงและจีนปิดทำการ

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 33.74 บาท / ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 20 เซนต์หรือ 0.3% ปิดที่ 75.03 ดอลลาร์ / บาร์เรล รายงานจีนจะสั่งซื้อน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ ขณะที่จีนกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะภาคการผลิต

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 34.1 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 1,757 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนลง

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 990.03 / +-

- Advertisement -