บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 28/11/66
AT THE OPEN (#ATO)
SET Index สร้างฐานรอฟื้น
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index สร้างฐานรอฟื้นตามกรอบ 1390-1410 จุด รายงานยอดส่งออกเดือน ต.ค.ขยายตัว 8%YoY แม้ต่ำกว่าตลาดคาด 9%YoY แต่เห็นการขยายตัวได้ดี ทั้งในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัว 9.3%YoY สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4%YoY ขณะที่ตลาดหลักสหรัฐฯและจีนขยายตัวได้ที่ 13.8% และ 3.4% โดยในช่วงที่เหลือของปีกระทรวงพาณิชย์คาดส่งออกจะยังขยายตัวได้ต่อ ทำให้ส่งออกทั้งปี 2566 หดตัว -1%YoY ลดลงจาก 10M66 ติดลบ-2.7%YoY แนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้นประกอบภาคบริโภคฟื้นในช่วงปลายปีจะเป็นปัจจัยหนุนต่อ GDP4Q66 ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 3Q66
ปัจจัยต่างประเทศยังขาดประเด็นใหม่ที่มีน้ำหนักทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งทรงตัว เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบแกว่ง รอผลประชุม OPEC+ ในวันที่ 30 พ.ย. ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้การประชุม ครม. พิจารณาขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ,มาตรการ e-Refund และการประกาศแนวทางแก้หนี้นอกระบบ กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Summary
SET Index ติดลบ -0.29% แรงกดดันมาจาก AOT ที่ปรับลง -2.4% และกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม ERW -1.87% และ CENTEL -1.75% จากความกังวลต่อการฟื้นตัวช้าของภาคท่องเที่ยว ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงมาจากหุ้นกลุ่มไฟฟ้า BGRIM +2.46% และ GPSC +2.27% หลังสัปดาห์ก่อนปรับลงแรงจากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตรา Ft นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 613 ล้านบาท
ATO Daily Stock Picks
แนะนำ MTC ,SCB
MTC
คุณภาพสินทรัพย์ดูดี
กำไรมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากต้นทุนสินเชื่อที่ลดลงและการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งในปี 67 เราเชื่อว่ากลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นไปที่สินเชื่อที่มีหลักประกันมากกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันจะหนุนให้คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณบวกจาก NPL ratio ลดลง QoQ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 4Q63
Catalyst ระยะสั้นให้น้ำหนักไปที่ 1) การประชุม กนง. วันที่ 29 พ.ย. ที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯ ที่ 2.5% ลดลงแรงกดดันของ NIM และ 2) มาตรการกระตุ้นของรัฐฯ ที่ช่วยให้กำลังซื้อในประเทศดีขึ้นลดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท
SCB
ปันผลเด่น
ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่เตรียมขยายสินเชื่อ GEN 2 ที่มีอัตรากำไรสูง ส่งผลต่อ ROE เพิ่มขึ้นในระยะยาว
การขยายตัวของสินเชื่อล้อไปตามเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวและแนวโน้ม NIM ช่วง4Q66/1Q67 ดีขึ้นจาก 3Q66
PBV 0.69x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี มากกว่า -1 S.D. ด้านเงินปันผลเราคาดปี 2566/67 จ่ายในระดับสูงที่ 6.5% และ 7.0%ต่อปี สูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่ม ธ.พ. ที่อัตราการจ่ายปันผลปี 2567/68 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 5.5% และ 6% ตามลำดับ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 130.00 บาท
KEY FACTOR
เงินบาทแข็งค่า แต่ตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ภูมิภาค ASEAN
ในระยะสั้นประเด็นในประเทศน่าจะมีน้ำหนักขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง หลังจากที่ตัวเลขส่งออก ต.ค. ของไทยขยายตัว +8.0% YoY แม้จะต่ำกว่าที่ Consensus คาด +9.0% YoY แต่ก็เห็นสัญญาณการฟื้นตัว/สะสมสินค้าคงคลังรอบใหม่ในหลายอุตสาหกรรม นำโดย อาหารสัตว์เลี้ยง ชิ้นส่วนยานยนต์ เนื้อไก่ ซึ่งน่าจะทำให้กลับมา คาดหวังจะเห็นการส่งออกอาจกลับมาเป็นตัวแปรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้าของไทย
นอกจากนี้ติดตามการเดินหน้ามาตรการสำคัญของรัฐบาล ประกอบด้วย
1) การหารือใน ครม. รายละเอียดและอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ
2) เริ่มต้นจ่ายเงินค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยมีเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน ช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
นายกฯ แถลงรายละเอียดมาตรการแก้หนี้นอกระบบ (และตามด้วยการแก้หนี้ในระบบช่วงเดือน ธ.ค.) ซึ่งมาตรต่างๆน่าจะส่งผลกระตุ้นกำลังการบริโภค การใช้จ่าย กำลังซื้อในประเทศให้ดีขึ้น หนุนหุ้นกลุ่ม Domestics (COMM) ในขณะเดียวอาจต้องติดตามและเลี่ยงกลุ่มเสี่ยงที่อาจโดนผลกระทบเชิงนโยบาย (FIN)
EYES ON
28 พ.ย. นายกฯแถลงแก้หนี้นอกระบบ
29 พ.ย. การประชุม กนง
30 พ.ย. PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน, เริ่มประชุม COP28