LEO ลุยต่อ! ผู้บริหารไฟเขียว เข้าลงทุน LogiCam ประเทศกัมพูชาพร้อมซื้อหุ้น “อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย)” เพิ่ม 10% ต่อยอดธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แบบครบวงจร
บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เสริมแกร่งธุรกิจบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ผู้บริหารไฟเขียวทุ่มงบกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนใน LogiCam – LEO ลุยธุรกิจการบริการขนส่งสินค้าระหว่างไทย – กัมพูชา พร้อมซื้อหุ้น “อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย)” เพิ่มอีก 10% ต่อยอดธุรกิจให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ ฟาก “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” มั่นใจเพิ่มความแข็งแกร่งการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ผลักดันการเติบโตก้าวกระโดดและยั่งยืนในอนาคต
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมคณะผู้บริหารบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท Logistics Intelligence (Cambodia) Co., Ltd., (LogiCam) เปิดบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ในประเทศกัมพูชา โดยใช้ชื่อว่าLogiCam – LEO (Cambodia) Co., Ltd. (LogiCam – LEO) เพื่อพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) ระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์และคลังสินค้าแบบครบวงจร รวมถึงอนุมัติการซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน บริษัท อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (ARM) 10% จากบริษัท ทรานสปีด เอเชีย จำกัด (Tran speed Asia) เพื่อให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ LogiCam – LEO บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ของ LEO ประกอบธุรกิจส่งสินค้าแบบครบวงจร (Integrated Logistics Service) ซึ่งครอบคลุมถึงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและภายในประเทศกัมพูชา การขนส่งข้ามประเทศ (Cross Border) ระหว่างไทยกับกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ การให้บริการศูนย์กระจายสินค้าและ คลังสินค้า รวมถึงการให้บริการพิธีการศุลกากรในประเทศกัมพูชา มีทุนจดทะเบียน USD 2,550,000 แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 2,550 หุ้น มูลค่าหุ้นละ USD 1,000 โดย LEO ลงทุน USD 1,020,000คิดเป็น 40% และ กลุ่ม LogiCam (ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน) ลงทุน USD 1,530,000 คิดเป็น 60% คาดว่าจะเริ่มให้บริการภายในต้นปี 2567 และรับรู้รายได้เข้ามาทันที
“การร่วมลงทุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของทั้งสองฝ่าย ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการให้บริการด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจร โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เป็นจุดแข็งของ LEO โดยปัจจุบัน LogiCam สามารถให้บริการขนส่งสินค้าได้อย่างครบวงจรทั้งนำเข้าและส่งออก บริการขนส่งจากประเทศไทยมายังกัมพูชาทั้งทางรถไฟและรถบรรทุกข้ามพรมแดน บริการขนส่งและกระจายสินค้าไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศกัมพูชา และบริการด้านการกระจายสินค้าและคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้าตามความต้องการที่หลากหลาย ในส่วนของ LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วโลก หรือ End-to-End Global Logistics Service Provider มี Network Agent อยู่มากกว่า 190ประเทศทั่วโลก และสามารถให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งทางเรือ ทางอากาศ ทางรถบรรทุก และรวมถึงการขนส่งทางรางทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับ LogiCam – LEO ให้มีขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งสินค้าจากประเทศกัมพูชาไปยังทั่วโลก และจากทั่วโลกมายังประเทศกัมพูชาได้ครบวงจรและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น” นายเกตติวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะผู้บริหารยังมีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Aramex (Thailand) Co.,Ltd.) 10%จากบริษัท ทรานสปีด เอเชีย จำกัด (Transpeed Asia) ส่งผลให้ LEO ถือหุ้นเพิ่มเป็น 36% รองรับแผนการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจการให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศกับบริษัท ARAMEX ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับ 5 ของโลกในด้าน Courier & Express Service และมีจุดแข็งในการให้บริการไปยังประเทศในกลุ่ม Middle East และ South Asia ที่กำลังเป็นตลาดที่มีการเติบโตและบริษัทฯ มีการวางแผนในการขยายตลาดในกลุ่มประเทศนี้อย่างเข้มข้น
“LEO มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ จึงมองหาพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ ประกอบกับวัตถุประสงค์หนึ่งในตอน IPO คือ การเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ ASEAN ที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการโล จิสติกส์ และให้บริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของบริษัทฯ กับกลยุทธ์การบริหารที่ LEO มุ่งเน้นไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ซึ่งถึงพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สนับสนุน และส่งเสริมกระบวนการที่เป็นเลิศ และสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้า และระบบโลจิสติกส์ของโลกในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจว่าการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ ASEAN จะช่วยสร้างศักยภาพการแข่งขัน ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด และยั่งยืนในอนาคต” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด