รัฐบาลอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ มองบวกกับค้าปลีก

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนปิดลบ 0.2% แต่ Nasdaq ปิดในแดนบวกหลังจากสหรัฐฯรายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงานลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT 1.1% กังวลต่ออุปสงค์รวมทั้งความไม่แน่นอนในการปรับลดกำลังการผลิต

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานตำแหน่งเปิดรับสมัครงานที่ 8.7 ล้านตำแหน่งแย่กว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 9.3 ล้านตำแหน่ง โดยรายละเอียด ข้างในพบว่า Sector ที่มีการรับสมัครงานน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 23 ได้แก่ ภาคผลิตขนส่งและสาธารณูปโภค ค้าปลีกขนาดย่อย ภาคการเงิน การศึกษาและการแพทย์ การท่องเที่ยว การจ้างงานที่ลดลงในภาคผลิต ค้าปลีก การเงิน และการ ท่องเที่ยวซึ่งกำลังสะท้อนถึงเศรษฐกิจจริงของสหรัฐที่เริ่มเห็นสัญญาณอ่อนแรงและส่งผลให้ US Bond Yield ปรับลงต่อเนื่องทั้งรุ่นอายุ 2 และ 10 ปี บ่งชี้ว่าถึงการผ่อนคลายของนักลงทุนต่อทิศทางนโยบายการเงินจากนี้ ความเห็นล่าสุดของ CME FED Watch ให้น้ำหนัก 98.8% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมในการประชุมกลางเดือน ธ.ค. และมองถึงโอกาสลดดอกเบี้ยในช่วงเดือน มี.ค. 24 ถูกปรับขึ้นมาเร็วขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วง พ.ค. – มิ.ย. สำหรับปัจจัยในประเทศคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ Easy E-Receipt เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศและหนุนการใช้ระบบภาษี Electronics โดยคนรับสิทธิ์จะได้แก่ผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ไม่นับรวมห้างหุ้นส่วนสามัญ สามารถหักลดหย่อนภาษีด้วยการซื้อสินค้าหรือบริการตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 5 หมื่นบาท / คน ทั้งนี้สินค้าที่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้ได้แก่ สุรา ยาสูบ รถยนต์ ค่าน้ำมัน ค่าสาธารณูปโภค และค่าประกันวินาศภัย (โครงการเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 24) เรามองบวกต่อกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ร้านอาหาร (M) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านสปา (SPA) ขนส่ง (BEM) ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.3 แสนราย หากรายงานแย่กว่าคาดการณ์มองเป็นบวกเล็กน้อยกับตลาดหุ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน สาเหตุที่มองบวกเล็กน้อยเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มไม่ตอบสนองทางบวกมากเมื่อเห็น ตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่าแย่ วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งขึ้นในกรอบ 1385 – 1400 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิมจากระดับ Valuation ที่น่าสนใจเน้นที่หุ้นใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านอาหาร (M) สื่อสาร (ADVANC)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 15.90 บาท)

ไตรมาส 3 คือฤดูฝนของไทย ซึ่งเป็นช่วงที่มักมียอดขายรายไตรมาสต่ำสุดของปี กำไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 1.53 พันล้านบาท (-5%QoQ) สอดคล้องกับที่เราและตลาดคาด กำไรที่ทรงตัว YoY เป็นผลจากรายได้ที่โตจากสาขาใหม่ หักลบกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ติดลบ 3.5%YoY (HomePro ที่ 3.6%, Mega Home ที่ -1.5%, และ HomePro Malaysia ที่ -6%) ด้วยการบริโภคที่อ่อนแอหลังเลือกตั้ง SSSG ของบริษัทจึงติดลบหลักหน่วยต้นในเดือน ก.ค. 2023 และหลักหน่วยกลางในเดือน ก.ย. 2023 แต่เราเชื่อว่าจะปรับดีขึ้นในไตรมาส 4/23 และปี 2024 หนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐและยอดขายย่านท่องเที่ยวที่ฟื้น ตัวขึ้น

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)

คาดว่ากำไรไตรมาส 4/23 จะโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จาก SSSG ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดี และการขาดหายไปของค่าตอบแทนพนักงานพิเศษที่เกิดขึ้นปีก่อน ปัจจัยบวกสำคัญคือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐผ่านนโยบายเงินดิจิทัล

- Advertisement -