บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
SEAFCO (SEAFCO TB) คาดหวังภาครัฐหนุนการรับงานปีหน้า
- ประชุมโทนกลาง สถานการณ์การหางานในปัจจุบันยังท้าทายจากความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ดี ปี 2024 คาดงานภาครัฐขนาดใหญ่ผลักดันการฟื้นตัว
- คาดกำไร 4Q23 ฟื้นเด่น y-y ตาม Backlog แต่ลดลง q-q จากหลายงานเตรียมส่งมอบ
- ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 3.80 บาท ความคืบหน้าสายสีส้มเป็น Catalyst
การประชุมโทนกลาง คาดภาครัฐผลักดันงานมากขึ้นกลางปีหน้า
เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุม Opportunity Day วันนี้ ผู้บริหารเผยภาพรวมตลาดฐานราก ฝั่งอุปสงค์ยังไม่กลับไม่เท่ากับก่อน Covid-19 และยังไม่สมดุลกับอุปทาน ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดยังสูง อย่างไรก็ดี คาดหวังปริมาณงานในตลาดจะมากขึ้นใน 1-2 ปี ข้างหน้า โดยปี 2024 แรงผลักดันหลักมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐตั้งแต่กลางปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทมีความสนใจโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในประเทศบังกลาเทศ ซึ่งบริษัทมีศักยภาพในงานฐานราก ปัจจุบันเปิดประมูลผู้รับเหมาหลักแล้ว หากบริษัทได้รับงาน คาดเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025
งานในมือเพิ่มหนุนรายได้ปีนี้บรรลุเป้า ส่วนปี 2024 คาดหวังโตต่อ
Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1 พันล้านบาท และมีงานอยู่ระหว่างรอเซ็นราว 200 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึง 1H24 ขณะที่ผู้บริหารเชื่อว่ารายได้ปี 2023 จะบรรลุกรอบบนของเป้าหมายที่ 1.5-1.8 พันล้านบาท (เทียบกับ 9M23 ที่ 1.4 พันล้านบาท) เร่งขึ้นจากปี 2022 ที่ 781 ล้านบาท ขณะที่ปี 2024 คาดหวังระดับ 1.8-2 พันล้านบาท จากงานที่อยู่ระหว่างรอผลประมูลราว 6.1 พันล้านบาท และรัฐบาลใหม่หนุนปริมาณงานฟื้นตัวขึ้น
ประเมินกำไร 4Q23 ฟื้นตัวเด่น y-y แต่ชะลอลง q-q
งวด 4Q23 เป็นการรับรู้ความคืบหน้าโครงการต่อเนื่องจาก 3Q23 หลักๆ เป็นรถไฟฟ้าม่วงใต้ทั้ง 3 สัญญา อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวอยู่ในช่วงท้ายงานก่อนส่งมอบปลายไตรมาส บวกกับมีวันหยุดจำนวนมาก เราจึงคาดว่ารายได้ยังยืนเหนือ 400 ล้านบาท แต่อ่อนลง q-q ด้วยอัตราการใช้เครื่องจักร 70-80% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดทรงตัวดีที่ 20-22% เนื่องจากสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ซึ่งเป็นงานรับเฉพาะค่าแรง ส่งผลให้เบื้องต้นประเมินกำไร 4Q23 ระดับ 40 ล้านบาท+/- ฟื้นตัวดีจาก 10 ล้านบาทใน 4Q22 ตามปริมาณงานในมือสูงขึ้น แต่ลดลงจาก 3Q23 ที่ 63 ล้านบาท
ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 3.80 บาท คงคำแนะนำซื้อ
เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2023 ขึ้น 31% เป็น 150 ล้านบาท (จากขาดทุน -133 ล้านบาทในปี 2022) สะท้อนปรับอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 17.8% จาก 13% ขณะที่ปี 2024 คงคาด 157 ล้านบาท (+5% y-y) โดย 1H24 พึ่งพางานเอกชนซึ่งการแข่งขันสูง ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีส้มคาดเซ็น 1H24 และเริ่มก่อสร้าง 2H24 ซึ่งคาด SEAFCO มีส่วนร่วมรับงาน เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 3.80 บาท อิง PBV 1.8x หรือค่าเฉลี่ยในอดีต -1SD ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เปิดกว้าง จึงคงคำแนะนำซื้อ ขณะที่ความชัดเจนงานประมูลภาครัฐ และความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีส้มจะเป็น Catalyst ต่อหุ้น
Investment thesis
ในปี 2021-2022 SEAFCO มีผลขาดทุนจากผลกระทบการแพร่ระบาด Covid-19 จากปริมาณงานตลาดซบเซา, มาตรการล็อกดาวน์, การแข่งขันรุนแรง และการขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดูดีขึ้นในปี 2023 หลังปัญหาขาดแคลนแรงงานคลี่คลายและปริมาณงานในมือที่มากขึ้น หลักๆ จากการรับงานขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, โครงการเอกชน North Pole และทางยกระดับพระราม 2 ซึ่งทำให้คาดว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรได้อีกครั้งในรอบ 2 ปี ตามรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัว
Company profile
SEAFCO ก่อตั้งในปี 1974 ประกอบธุรกิจหลักในงานเสาเข็มเจาะและกำแพงกันดิน มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 48 ปีในวงการธุรกิจเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ในประเทศและต่างประเทศ มีความชำนาญและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปของผู้ออกแบบ บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาและเจ้าของโครงการต่างๆ โดยบริษัทรับงานจากภาคราชการและภาคเอกชน ทั้งจากเจ้าของโครงการหรือรับงานช่วงต่อ (Sub-contract) จากผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก งานที่บริษัทให้บริการคือ งานเสาเข็มเจาะ, งานกำแพงกันดิน, งานก่อสร้างโยธา และงานบริการทดสอบต่างๆ ขณะที่แบ่งประเภทตามสายผลิตภัณฑ์ออกเป็นการรับเฉพาะค่าแรง และการรับงานรวมวัสดุ
Catalysts
ปัจจัยหนุนการเติบโตคือ การรับงานใหม่เข้ามาเติม โดยเฉพาะงานเอกชนขนาดใหญ่ และงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม และทางด่วน
Risks to our call
ความเสี่ยงต่อประมาณการ 1) การเซ็นสัญญางานใหม่น้อยกว่าคาด 2) ความล่าช้าของการเปิดประมูลงานใหม่ 3) ไม่ได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม 4) ความไม่แน่นอนทางการเมือง 5) ความล่าช้าของการก่อสร้าง และปัญหา Cost overrun 6) ต้นทุนวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น, การขาดแคลนแรงงาน และการปรับขึ้นค่าแรง 7) การแข่งขันรุนแรง