บล.กรุงศรีฯ:

TOURISM SECTOR – ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนน่าผิดหวังและมี downside (NEUTRAL)

  • Analysis

จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023F น่าจะถึงเป้า 28 ล้านคน แต่จีนจะพลาดเป้า NEUTRAL

เมื่ออิงจากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงพฤศจิกายนอยู่ที่ 25 ล้านคน เรา คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป่าของทท./ธปท.ที่ 28 ล้าน คนได้ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น 10-20% mom ในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยเราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะอยู่ที่ 3.4 ล้านคนเท่านั้น คิดเป็นเพียง 31% ของระดับก่อน COVID เท่านั้น และต่ำกว่าเป้าของ ทท.คาดเล็กน้อยที่ 3.5 ล้านคน และ กระทรวงการคลังที่ 5 ล้านคน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จากยุโรป, ซาอุดิอาระเบีย, U.A.E,รัสเซีย,เกาหลีใต้และเอเชีย น่าจะช่วยชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ น่าผิดหวังได้

เราคาดจํานวนนักท่องเท่ียวต่างชาติปี 2024F อยู่ที่ 33 ล้านคน

ในประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2024F ของ ททท. ที่ 35 ล้านคน (+25% yoy) นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 8.2 ล้านคน ซึ่งเรามองว่าค่อนข้างสูง และมี downside ซึ่ง หากเราใช้สมมติฐานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีหน้าอยู่ที่ 12,000 คน/วัน (+20% จาก เฉลี่ย 10,000 คน/วัน ในปี 2023F) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2024F จะอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านคนเท่านั้น ดังนั้น เราจึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024F จะอยู่ที่ 33 ล้านคน (+22% yoy) ซึ่งต่ำกว่าเป้าของ ททท. อยู่พอสมควร ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีหน้าอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติของ ททท. ในปี 2024F จะลดลงมาอยู่ที่ 30 ล้านคนเท่านั้น คิดเป็นอัตราการเติบโตเพียง 8% yoy ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะโตช้ากว่าประมาณการของ ททท. คือเรามองว่าจีนยังคงประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจากการประเมินของ IMF GDP ของจีนจะลดลงเหลือ 4.6% ในปี 20024F และ 3.5% ในระยะยาว จากคาดการณ์ 5.4% ในปี 2023F

  • Implication

เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เราจึงคาดว่าจะส่งผล กระทบต่อผู้ประกอบการสนามบินอย่าง “AOT” (BB consensus: แนะนำซื้อ 13 ราย/ ถือ 2 ราย, ราคาเป้าหมาย 80 บาท) (ผู้โดยสารจีนคิดเป็นเพียง 10% ในปี FY23 จาก 27% ในช่วงก่อน COVID-19) และสายการบินที่ให้บริการผู้โดยสารจีนอย่าง “AAV” (แนะนำซื้อ 9 ราย/ถือ 3 ราย, ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท) (ผู้โดยสารจีนคิดเป็นเพียง 12% ของรายได้รวมในงวด 9M23 จาก 21% ในช่วงก่อน COVID-19 ระบาด)

เราคาดว่าธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบจำกัด เมื่อดูจาก Figure 17-18 occupancy rate ในปัจจุบันของโรงแรมในประเทศไทยกลับมาอยู่ที่ 68-80% ของระดับก่อน COVID ระบาดแล้ว และคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องใน 4Q23 จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว ต่างชาติ และการเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลของการท่องเที่ยวไทย (ทำให้โรงแรมสามารถ ขึ้นอัตราค่าห้องพักให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง) รวมถึงการที่มีนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นจากรัสเซีย และตะวันออกกลาง (ซาอุดิอาระเบีย และ U.A.E) เข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อโรงแรมในประเทศที่มุ่งจับตลาดในระดับกลางถึงหรู (Mid-to-Luxury) อย่างเช่น ERW (67% ของรายได้มาจากโรงแรมในกลุ่ม Midscale- Luxury) (แนะนำซื้อ 13 ราย ถือ 1 ราย, ราคาเป้าหมาย 6.45 บาท), AWC (เกือบ 100% ของธุรกิจโรงแรมมาจากโรงแรมหรูระดับบน (upper-luxury hotel) ) (แนะนำซื้อ 4 ราย ถือ 1 ราย, ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท) แต่เราคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับ CENTEL น้อยมาก (แนะนำซื้อ 4 ราย/ถือ 8 ราย, ราคาเป้าหมาย 48.75 บาท) เพราะธุรกิจอาหารคิดเป็น 57% ของรายได้รวม ซึ่งถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่จะกระทบกับ MINT น้อยมากเช่นกัน (แนะนำซื้อ 14 ราย, ราคาเป้าหมาย 40 บาท) (90% ของรายได้มาจากต่างประเทศ และ 4Q-1Q เป็นช่วง low season ของโรงแรมในยุโรป)

- Advertisement -