Daily Focus: Domestic and Selective Play

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ปิดลบ 10.82 จุด ณ สิ้น วัน ถ่วงโดยหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง รวมถึงกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ สื่อสารฯ ไฟแนนซ์ เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ได้แก่ ท่องเที่ยว วัสดุก่อสร้าง มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.2 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อ สุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.1 พันลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นเกือบ 4 พันลบ. (และ Short Index Futures ต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 3.7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,370-1,385 จุดหลังจากปรับตัวลงแรงกว่าคาดวานนี้ บรรยากาศการลงทุนผสมผสานโดยเป็นบวกจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี AI ส่วนฝั่งเอเชียมีประเด็นกดดันจากตัวเลข GDP 3023 ของญี่ปุ่นที่ตำกว่าคาด -2.9% Annualized (ตลาดคาด -2.1%) ขณะที่ BoJ มีแนวโน้มยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวในระดับ ต่ำโดยล่าสุด Brent ยังอยู่ในระดับ US$74 ต่อบาร์เรล ทำให้กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดยัง ถูกกดดัน ขณะที่กลุ่ม Anti-Commodity คาดยังได้อานิสงส์อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญที่ต้อง ติดตามคืนนี้คือตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ทั้งการจ้างงานนอกภาคเกษตร (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง) อัตราว่างงาน (ตลาดคาด 3.9%) และค่าจ้างแรงงาน (ตลาดคาด 62 ฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน) ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ค่อนข้างมีผลต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ ล่าสุด Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ยังทรงตัวบริเวณ 4.15% ส่วนของไทยอยู่ที่ 2.85% ภาพระยะกลาง-ยาวเรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มที่แข็งแรงกว่าโลกหลังจาก Underperform อย่างมากในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยหนุนแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 4Q23 เป็นต้นไป ขณะที่ Valuation อยู่ในโซนค่อนข้างต่ำทั้งในแง่ PER ที่ 14.6 เท่าและ EY Gap ราว 4% จึงยังระดับดัชนีต่ำกว่า 1,400 จุด มี Downside ที่จำกัดมากขึ้นและมองจังหวะปรับลงเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุน

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2Q24 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพิ่มจังหวะดัชนีปรับลงเข้าใกล้ 1,350 จุดหรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: CPN, GPSC, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : GFPT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท
  • เบื้องต้นคาดกำไร 4Q23 ที่ 342 ลบ. +7% q-q ตามปริมาณการส่งออกที่ดี ขณะที่ต้นทุนทยอยปรับลง แต่ยังลดลง -24% y-y จากฐานปีก่อนที่สูง
  • เราคาดหวังแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่มีโอกาสทยอยฟื้นตัวขึ้นใน 1Q24 นำโดยราคาหมูจากการสถานการณ์หมูเถื่อนที่คาดทยอยดีขึ้น และหนุนราคาไก่ฟื้นตัวตามราคาหุ้นเทรด PER ค่อนข้างต่ำเพียง 9 เท่า และ PBV 0.7 เท่า
  • แนวรับ 10.50 บาท แนวต้าน 11-11.30//11.70-12 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นราวๆ US$480 ล้าน ไหลออกทุกประเทศ นำโดยไต้หวัน US$251 ล้าน รองลงมาคือไทย US$114 ล้าน ด้านเกาหลีใต้ไหลออก US$88 ล้าน ถูกกดดันจากเม็ดเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงและเข้าถือครองพันธบัตรเพื่อล็อคผลตอบแทนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แนวโน้มของกระแสเงินทุน วันนี้คาดผสมผสานโดยตัวเลข GDP 3Q23 ญี่ปุ่นออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อไทยเดือน.. ต่ำกว่าคาด เงินเฟ้อทั่วไป -0.44% y-y (ตลาดคาด -0.3% y-y) และลดลงจากเดือนก่อนที่ -0.31% y-Y เงินเฟ้อพื้นฐาน +0.58% y-y (ตลาดคาด +0.6% y-y) และชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.58% y-y โดยรวมเงินเฟ้อไม่เป็นปัจจัยกดดัน แต่คาดกนง.จะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยต้องติดตามปัจจัยที่จะมีผลต่อเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้น ทั้งค่าไฟ ราคาเนื้อสัตว์ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น มาตรการขึ้นค่าแรงและเงินดิจิทัล

(+) ส่งออกจีนเดือน พ.ย. ดีกว่าตลาดคาด ตัวเลขส่งออกจีนพลิกเป็น, +0.5% y-y จาก – 6.4% y-y ในเดือน.. 2023 ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะติดลบ -1.1% y-y ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเม. 2023 เนื่องจากการส่งออกไปสหรัฐเพิ่มขึ้นและเป็นช่วง High season ขณะที่นำเข้า-0.6% y-y เทียบกับ +3% ในดือนต.ค. 2023 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด +3.3% y-y หลักๆ นำจะเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง โดยโดยรวมเราเห็นส่งออกดูดีขึ้นแต่ก็ยังต้อง ติดตามการส่งออกในช่วงเดือนถัดไปว่าจะยังมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไรก็ดีหุ้นในกลุ่มส่งออกไทยก็จะผลบวกตามไปด้วย

(+) PTTEP ค้นพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแปลงเอสเค 405 บี และแปลงเอสเค 438 และผลสำเร็จจากหลุม ประเมินผลในแปลงเอสเค 405 บี นอกชายฝั่งรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันโดยจะเตรียมทำการศึกษาทางวิศวกรรมเบื้องต้น (Pre-Front End Engineering (Pre-Front Design) เพื่อดำเนินการพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ดี การค้นพบดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกกับ PTTEP ในระยะยาว และปัจจุบัน PTTEP ก็มีหลายโครงสร้างที่กำลังดำเนินการอยู่ในประเทศมาเลเชียกว่า 10 โครงการ ส่วนโครงการใหม่นี้จะต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอีก 3-5 ปี เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย

(+) MASTER ประกาศดีลที่ 10 เข้าลงทุน 40% ใน V Square Clinic มูลค่า 720 ลบ. คาดยังอยู่ระหว่างพิจารณาอีก 1-2 ดีลในปี 2024 V Square ประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ก่อตั้ง ปี 2017 ปัจจุบันมี 24 สาขา ตั้งอยู่ในทม.และปริมณฑล มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านการฉีด Filler โดยรายได้หลัก 90% มาจากหัตถการประเภทฉีด หากอิงงบการเงินจากก. พาณิชย์ปี 2022 V Square มีรายได้และกำไรสุทธิที่ 830 ลบ. และ 11.5 ลบ. ตามลำดับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงงบการเงินและการตรวจสอบสถานะกิจการของ V Square คาดจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ใน 1Q24 ทั้งนี้หากอิงคาดการณ์กำไรของ V Square ปี 2023-24 ของบริษัทที่ราว 80 ลบ. และ 120 ลบ. พบว่ามูลค่าที่ซื้อขายจะคิดเป็น PE ที่ 22.5x และ 15x ตามลำดับ เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2024 (ไม่รวม V Square ที่ 67 บาท หากกำไร V Square ปี 2024 ทำได้ตามที่บริษัทคาดการณ์ราคาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นอีก 5 บาท เป็น 72 บาท (มาจาก Organic 59 บาท และ Inorganic 10 ดีล ราว 13 บาท)

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50 งวด 1H24 หุ้นออก DELTA INTUCH TLI หุ้นเข้า KCE ITC BCP ประกาศผลกลางเดือน ธ.ค.

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 62.95 จุด หรือ +0.17% ปิดที่ 36,117.38 จุดเนื่องจากกระแสตอบรับเทคโนโลยี AI เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงหุ้นอัลฟาเบท และหุ้น AMD

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอจะถ่วงเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยูโรโซน

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปิดบวก นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังตัวเลข GDP ครั้งที่ 2ปรับลดลง 0.7% 9-9 มากกว่าตลาดคาด จากรายงานก่อนหน้า

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.22 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.40% (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 69.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานที่ชะลอตัวลงในสหรัฐและจีน รวมทั้งการผลิตน้ำมันในสหรัฐที่พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดเป็น +0.82%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 2,046.40ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 2048.10ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.08%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 880.55/ -0.03%

- Advertisement -