บล.บัวหลวง: 

Construction materials & Packaging – 2567 เป็นปีที่สดใสมากขึ้น

Recommend : Construction materials: NEUTRAL /  Packaging: NEUTRAL

ปี 2567 จะเป็นปีที่ดีกว่าปีนี้สำหรับผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์ โดยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในวงกว้างและแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของอุปสงค์จะยังคงมีอยู่ ดังนั้นเราจึงให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยเราชอบ SCC และ SCGP มากที่สุดในกลุ่ม

คาดเศรษฐกิจในอาเซียนปี 2567 ขยายตัวในกว้าง

แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยและตลาดหลักๆ ในอาเซียน (กัมพูชา อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, และเวียดนาม) ที่ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง/บรรจุภัณฑ์ของไทย เช่น SCC, SCCC และ SCGP ดำเนินธุรกิจอยู่คาดว่าในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น การเติบโตของ GDP ของประเทศดังกล่าวส่วนใหญ่จะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลของประเทศดังกล่าวได้เปิดตัว/หรือจะเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตน จากแนวโน้มดังกล่าวอุปสงค์โดยรวมกลุ่มวัสดุก่อสร้างและบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567

อุปสงค์วัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีหน้า

อุปสงค์ปูนซีเมนต์ในตลาดหลัก ได้แก่ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, และกัมพูซา ลดลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 โดยมีการปรับตัวลดลงอย่างมากในกัมพูชาและเวียดนาม อย่างไรก็ตามมีสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์โดยรวมในไตรมาส 4/66 ประเทศไทยรายงานแนวโน้มอุปสงค์ปูนซีเมนต์ที่สดใสที่สุดใน 9 เดือนแรกของปี 2566 หนุนโดยโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินอยู่ของรัฐบาล

จากการศึกษาของเราพบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเติบโตของอุปสงค์วัสดุก่อสร้าง (ปูนซีเมนต์และกระเบื้องเซรามิค) ในช่วงปี 2562-2565 เวียดนามมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแกร่ง ที่สุดระหว่างการเติบโตของ GDP ของประเทศและการเติบโตของอุปสงค์ปูนซีเมนต์ ตามมาด้วยอินโดนีเซียและกัมพูชา เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศ ดังกล่าวคาดว่าจะขยายตัวในปี 2567 เราคาดว่าอุปสงค์วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น YoY ในปีหน้า

มีอัพไซด์ต่ออุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยอีกมากในระยะกลาง

หากมองมาที่ประเทศไทย มีโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลมากมาย เช่นมอเตอร์เวย์, ทางด่วน, ระบบขนส่งมวลชน, และรถไฟทางคู่ที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งแสดงถึงอัพไซด์ต่ออุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยอีกมากในระยะกลาง

ต้นทุนพลังงานที่ลดลง….เป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวก

เมื่อมองจากต้นทุน ต้นทุนพลังงาน (ส่วนใหญ่ คือ ถ่านหิน) ซึ่งโดยทั่วไปคิดเป็นประมาณ 10-15% ของต้นทุนขาย (ของผู้ผลิตปูนซีเมนต์) และ 6-7% ของต้นทุนขาย (ของผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์) ปรับตัวสูงขึ้นในปี 2565 แต่ ลดลงในปี 2566 ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนสำหรับผู้ผลิตปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ ราคาถ่านหินคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องในปี 2567 ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนอัตรากำไรให้กับผู้ประกอบการปูนซีเมนต์และบรรจุภัณฑ์ในปีหน้า

- Advertisement -