KS Daily View 14.12.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,390 จุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในปีหน้า หุ้นแนะนำ GPSC, BEM

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +1.4%, S&P 500 +1.37%, NASDAQ +1.38%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Utilities (+3.71%), Real estate (+3.58%), and Healthcare (+1.83%), ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Communication services (+0.66%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -15.95 จุด หรือ -1.16% ปิดที่ 1,357.97 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ (+4.25%), CK (+2.53%), SJWD (+1.41%), STEC (+1.23%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ JMT (-7.34%), THG (-6.67%), DOHOME (-5.88%), JMART (-5.41%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,350 – 1,390 จุด ในวันนี้ คาดหวังสัญญาณเชิงบวกจากมุมมองอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยให้เห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งรวม 0.75% ในปี 2567 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4.024% และเราคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยจะปรับลดลงตามมา ซึ่งส่งผลเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและกลุ่มโรงไฟฟ้า

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%-5.50% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 22 ปี แต่ส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวม 75bps หรือ 0.75% ในปีหน้า ขณะที่ข้อมูลเดือนกันยายนที่ผ่านมาการคาดการณ์ของเฟดมองว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งเฟดได้เพิ่มขึ้นอีกทีละ 25bps จากปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าขณะนี้ธนาคารกลางคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2567
  2. ธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2.4% ในปีหน้า ลดลงจากการคาดการณ์ 2.5% ในเดือนกันยายน และลดลงอีกเป็น 2.2% ภายในปี 2568
  3. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงอย่างรวดเร็วภายหลังการตัดสินใจของเฟด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีลดลง 28 bps มาอยู่ที่ 4.447% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลง 19 bps มาอยู่ที่ 4.024%
  4. สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธว่าสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ธันวาคม เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 650,000 บาร์เรล

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,350-1,4100 จุด แม้ Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงเป็นบวกจากโอกาส Soft landing ของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้นในปีหน้า แต่คาดว่าการประชุม FOMC กลางสัปดาห์ เฟดจะยังคงมุมมองระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายการเงิน เพราะเงินเฟ้อยังลงไม่ถึงเป้า ทำให้มีโอกาสที่ตลาดอาจผิดหวังหากเฟดไม่ได้ปรับลด Dot plot ตามคาด (ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 100bps. ในปี 2024 สูงกว่า Dot plot ปัจจุบันที่  50bps.) สำหรับปัจจัยอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50; 2.) ความคืบหน้ามาตรการดิจิตอลวอลเล็ต; 3.) เม็ดเงินจากกองทุนลดหย่อนภาษี (Thai ESG); 4.) การประชุม FOMC, BOE, และ ECB; และ 5.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ดัชนี CPI, PPI, ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • GPSC (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) เราเห็นสัญญาณเชิงบวกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลงจาก FED dot plot ซึ่งแสดงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2024 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะลดลงตาม และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเห็นชอบให้ขึ้นราคาค่าไฟฟ้าเดือนมกราคม-เมษายน 2567 เป็น 4.68 บาทต่อหน่วย โดยจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติราคาสุดท้ายในวันที่ 19 ธันวาคม โดยจะมองว่าเป็นบวกเล็กน้อยจากเดิม 3.99 บาทต่อหน่วย
  • BEM (ราคาพื้นฐาน 10.66 บาท) เราเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการจราจรที่รายงานโดยผู้ให้บริการระบบรางและทางด่วน การเปิดให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งจะมีผู้โดยสารเชื่อมต่อไปยัง MRT สายสีน้ำเงิน ในกรุงเทพฯ รวมถึง KResearch คาดยอดนักท่องเที่ยวปี 2567 อยู่ที่ 30.6 ล้านคน (+11% YoY)ขณะที่ความเสี่ยงคืออัตราค่าจ้างและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ FED ตลาดคาดไว้ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25 – 5.50% และมุมมองเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ BOE ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25% และการประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 4.0%
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของญี่ปุ่นเบื้องต้น ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 49.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 48.3 และภาคบริการตลาดคาดไว้ที่ 52 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.8 รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน ตลาดคาดขยายตัวที่ 5.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.6% และยอดค้าปลีกของจีน ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 11% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 7.6% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯ จัดทำโดย S&P Global เบื้องต้นคาดไว้ที่ 49.2 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.4
- Advertisement -