KS Daily View 18.12.2023 >>> ติดตามหุ้นเข้าออก SET50 เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยจริง 3Q24 คาดดัชนีพักตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด หุ้นแนะนำ RCL, SCB

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA +0.15%, S&P 500 -0.01%, NASDAQ +0.35%โดย Sector ที่ outperform ในS&P500 ได้แก่ IT (+0.70%), Consumer Discretionary (+0.48%)  ส่วน Sector ที่Underperform ได้แก่ Utilities (-1.73%), Real Estate (-1.24%), Healthcare (-0.85%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +12.09 จุด หรือ +0.88% ปิดที่ 1,391.03 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ IRPC (+5.70%), TLI (+5.11%), AMATA (+4.95%), BGRIM (+4.67%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ BCG (-2.97%), DELTA (-2.92%), THG (-2.62%), CK (-2.44%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: ประเมินตลาดหุ้นไทยพักตัวในกรอบ 1,380 – 1,400 จุด วันนี้ หลังปรับขึ้นแรงติดต่อกันสองวัน โดยมีกรรมการเฟด 2 ท่านคือ John Williams และ Raphael Bosticออกมาเตือนว่าเร็วไปที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. โดยการลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเกิดขึ้นใน 3Q24 สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่ การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50/SET100 ซึ่งตลาดคาดว่า DELTA จะยังคงอยู่ในSET50 index อย่างไรก็ตามหาก DELTA หลุดจากการคำนวณจะเป็น sentiment ลบต่อตลาดภาพรวม นอกจากนี้นักลงทุนยังต้องตามดูว่าตลาดหลักทรัพย์จะเปิดเผยแนวทางการจัดทำดัชนีSET50/SET100 แบบ free float adjusted รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50 index futures ด้วยว่าจะอิงกับแบบเดิมคือ Market cap. weighted หรือจะมีสินค้าทางเลือกเป็นแบบ Free float adjustsed

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สำนักข่าวอินโฟเคสวท์รายงานว่าคณะกรรมการ กสทช. รวม 4 ราย ออกมาเรียกร้องให้ สำนักงาน กสทช. รวบรวมข้อมูลทางการตลาดเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อคุณภาพการให้บริการและการปรับค่าบริการที่ไม่เป็้นธรรม เป็นต้น และจะมีการหารือในการประชุมบอร์ดในวันที่ 20ธ.ค.2566 โดยเราประเมินเป็น sentiment ลบต่อกลุ่ม ICT โดยเฉพาะ TRUE จากการแทรกแซงด้านราคาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือรัฐบาล

2.) ติดตามคลังชง ครม. สัปดาห์หน้า Haircut หนี้รายย่อยกว่า 1 ล้านบัญชี พร้อมล้างสถานะ “NPL” หลังกู้ฉุกเฉิน “ออมสิน-ธ.ก.ส.” ช่วงโควิดแล้วผ่อนไม่ไหวกลายเป็นหนี้เสียกว่า 50,000 ลบ. โดยรัฐบาลจะชดเชยกรณีเป็น NPL ให้แบงก์ 30-50% ของวงเงินปล่อยกู้ทั้งหมด นอกจากนี้เตรียมเสนอพักหนี้เอสเอ็มอี รหัส 21 เป็นเวลา 1 ปี-ลดดอกเบี้ย 1%

3.) ติดตามนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 26 ธ.ค. 2566 โดยยืนยันว่าจะพยายามให้ค่าไฟไม่เกิน 4.2 บาทต่อหน่วย ส่วนตัวเลขที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคือ 4.1 บาทต่อหน่วยนั้น โดยอาจให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้า เหมือนงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.2566) ที่ให้ปตท. ปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้าซึ่งแต่เดิมกำหนดไว้323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็น ไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,390-1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจาก การอ่อนค่าของ USD หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยชัดเจนในปีหน้า หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในตลาด Emerging market โดยตลาดหุ้นไทยที่ยัง laggard ตลาดอื่นๆมาก ลดลง -17% YTD สวนทางกับดัชนี MSCI ACWI ที่ +21% YTD นอกจากนี้คาดจะเห็นเม็ดเงินกองทุน Thai ESG เริ่มทยอยเข้าลงทุนหลังจบช่วง IPO และอาจเห็นการทำ window dressing ช่วงปลายปีด้วย  สำหรับปัจจัยอื่นๆที่ต้องติมในสัปดาห์หน้าได้แก่ 1.) การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 โดยเฉพาะ DELTA ว่ายังอยู่ใน SET50 หรือไม่; 2.) การประชุม BOJ และ PBOC; และ 3.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน,ยอดขายบ้านใหม่, ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล, ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick:

RCL (ราคาพื้นฐาน 22 บาท) คาดค่าระวางเรือ Container ได้อานิสงค์จาก Global supply chain ที่ตึงตัวขึ้น หลังมีการโจมตีเรือสินค้าจากกองกำลังฮูติ ทำให้สายเรือหลักของโลกต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือที่ผ่านคลองสุเอช ไปอ้อมแหลมกู้ดโฮปแทน ทั้งนี้เรือ Container ที่แล่นผ่านช่องแคบสุเอชคิดเป็นสัดส่วน 30% ของกองเรือโลก

SCB (ราคาพื้นฐาน 108 บาท) คาด Dividend yield ปี 2024 จะอยู่ที่ระดับ 7.1% คาดกำไร 4Q23 ฟื้นตัวจากคาด NIM จะปรับตัวสูงที่สุดใน 4Q23 และคาด credit cost จะปรับตัวลดลงใน 4Q23 จากคุณภาพสินทรัพย์ของ Card X ที่เริ่มฟื้นตัวและมีการตั้งสำรอง  management overlay1.5พันลบ.ไปแล้วใน 3Q23

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo Business Climate) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 87.7 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 87.3 จุด และตัวเลขดัชนีภาคอสังหาฯของสหรัฐฯ NAHB Housing Market Index สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 32 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 34 จุด
  • วันอังคาร ติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขภาคอสังหาฯของสหรัฐฯ โดยมีรายงานตัวเลขอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ (Building permits) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 1.48 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.49 ล้านยูนิต และตัวเลขการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ (Housing starts) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 1.36 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.37 ล้านยูนิต
  • วันพุธ ติดตาม การประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของทางการจีนระยะ 1 และ 5 ปี หรือ Loan prime rate ตลาดคาดทางการจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.45% และ 4.20% ตามลำดับ ต่อด้วยรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB Consumer Confidence) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 103.8 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 102 จุด และติดตามตัวเลขยอดขายบ้านที่ไม่รวมบ้านสร้างใหม่ (Existing Home Sales) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 3.78 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.79 ล้านยูนิต
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม การประกาศตัวเลข GDPสหรัฐฯสำหรับไตรมาสที่ 3 โดยจะเป็นประกาศเพื่อปรับปรุงทบทวนตัวเลขครั้งสุดท้าย ตลาดคาดที่ 5.2% เท่ากับที่ประกาศทบทวนครั้งก่อนหน้าที่ 5.2% ต่อด้วยติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตPhilly Fed Manufacturing Index ของเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ -3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.9 จุด ในส่วนของประเทศไทยติดตามตัวเลขยอดขายรถยนต์สำหรับเดือน พ.ย. โดยข้อมูลเดือนก่อนหน้ารายงานยอดขายได้ที่ 58,963 ยูนิต หรือ -8.75% YoY
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐฯ (Durable goods orders) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ +1.7% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.4% MoM และ ตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐฯที่ไม่รวมยานยนต์ (Core Durable goods orders) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ +0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.0% MoM ต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (New Home Sales) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 6.95 แสนยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.79 แสนยูนิต
- Advertisement -