บล.บัวหลวง:
Utilities – กลยุทธ์ปี 2567: กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP น่าสนใจมากกว่า (NEUTRAL)
เราไม่เห็นปัจจัยหนุนที่ชัดเจนสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในปี 2567 และมีตัวแปรที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประมาณการกำไรของเราแต่แนวโน้มกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ชัดเจนและดูดีกว่า โดยเราชอบ GULF มากที่สุดในกลุ่ม
ไม่มีทางที่จะคาดการณ์กำไรปี 2567 ของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ได้อย่างแม่นยำ
PTT คาดราคาก๊าซจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 359-419 บาท/ล้าน btu ในช่วงปี 2567 และหาก PTTEP ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตที่แหล่งก๊าซเอราวัณเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายในเดือน เม.ย. 2567 ราคาก๊าซอาจเกินคาดการณ์ของ PTT นอกจากนี้ อัตราค่าไฟฟ้าอาจไม่สะท้อนถึงต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลกำลังพยายามลดต้นทุนค่าครองชีพสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าตามอยู่อาศัย และต้นทุนธุรกิจสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าตามอุตสาหกรรม กกพ. มีแผน ขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจาก 3.99 บาท/หน่วย ในช่วงบิล ก.ย.-ธ.ค. ไปเป็น 4.68 บาท/หน่วย สำหรับเดือน ม.ค.-เม.ย. แต่รัฐบาลประกาศเข้าแทรกแซงให้ต่ำกว่า 4.10 บาท/หน่วย
ไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (ไม่มีความแน่นอนเช่นกัน)
เราปรับประมาณการปี 2567 จาก 3.99 บาท/หน่วย ไปเป็น 4.22 บาท/หน่วย สำหรับราคาไฟฟ้า และจาก 305 บาท/ล้าน btu ไปเป็น 387 บาท/ล้าน btu สำหรับราคาก๊าซ ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 2567 ลง 30% สำหรับ BGRIM และ 26% สำหรับ GPSC แต่ยังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ทุกๆ 0.10 บาท/หน่วย ที่ราคาไฟฟ้าเฉลี่ยปี 2567 ที่ต่ำกว่าที่เราคาด คือความเสี่ยงขาลงต่อประมาณการกำไรหลักปี 2567 ของเราที่ 15% สำหรับ BGRIM และ 21% สำหรับ GPSC และหากราคาก๊าซสูงกว่าที่เราคาดทุกๆ 10 บาท/ล้านบีทียู อาจมีความเสี่ยงขาลงต่อประมาณการกำไรหลักปี 2567 ของเราที่ 13% สำหรับ BGRIM และ 12% สำหรับ GPSC เราปรับลดราคาเป้าหมายสำหรับ BGRIM จาก 40 บาทเหลือ 33 บาท และสำหรับ GPSCจาก 74 บาท เหลือ 65 บาท และเราปรับลดคำแนะนำสำหรับหุ้นทั้งสองลงจาก ซื้อ เป็น ถือ
แต่กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ชัดเจนและดูดีขึ้น
อัตราสำรองไฟฟ้าของประเทศไทยดูสูงจนเข้าใจผิดว่ามีกำลังผลิตเกินความต้องการมาก แต่ชั่วโมงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุดในปัจจุบันมักจะเกิดขึ้นช่วงดึกในฤดูร้อน (ไม่มีการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์) ส่งผลให้เราคำนวณอัตราสำรองที่แท้จริงได้เพียง 18% ในขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนประมาณ 10GW จะปลดระวางในช่วงปี 2566-2571 และการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากอย่างรวดเร็วจะเพิ่มความต้องการไฟฟ้าสูงสุด ส่งผลให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่ระบบไฟฟ้าจะล่ม ทั้งนี้ ปัญหาทางการเงินของ กฟผ. จะจำกัดความสามารถในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยไม่ต้องขึ้นราคาไฟฟ้า ดังนั้น เราคาดว่าจะมีการจัดสรรโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ใน PDP ถัดไปโดยจะเริ่มการประมูลในปี 2567 หรือ 2568
หากมีการประมูลโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ ควรลงทุนตัวไหน?
กำลังการผลิตโรงไฟฟ้า IPP ประมาณ 46W ของ RATCH จะค่อยๆ ปลดระวางในช่วงไม่ที่ปีข้างหน้า ดังนั้น จึงมีที่ดินที่มีโครงสร้างท่อส่งก๊าซและโครงสร้างพื้นฐานด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าย่อยถึงระบบส่งไฟฟ้าอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมากเมื่อประมูลโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ แต่บริษัทได้เริ่มลงทุนอย่างหนักในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการผลิตไฟฟ้า ดังนั้นจึงอาจจำเป็นต้องหาพันธมิตร เช่น EGCO (บริษัทในเครือของ กฟผ. อีกแห่ง) หรือ GULF (ผู้ถือหุ้นใน Hin Kong IPP ของ RATCH)