รอบด้านตลาดหุ้น: ปักฐานที่ 1400…

สรุปภาพตลาดวานนี้

วานนี้ SET ขึ้นมายืน 1400 ตามคาด แรงซื้อมาจากหุ้นไอซีที JAS TRUE ปิโตเคมี IVL PTTGC SCC คอมเมิร์ช CPAXT CPALL และหุ้นกลาง-เล็กหลายตัวบวกได้ดี DITTO NETBAY (รับดีล DITTO ซื้อหุ้น NETBAY 24.9%) SAPPE INSET TAN MGI JPART ANI CHASE ส่วนหุ้นลบกดดันตลาด ได้แก่ PTT (รับข่าวปรับ
โครงสร้างราคาก๊าซ) AOT DELTA SCGD BH TU

ภาพตลาดและแนวโน้ม

ตลาดวานนี้ขึ้นมาแตะ 1400 ตามคาด และเมื่อคืนนี้ตลาดสหรัฐฯ เริ่มขายทำกำไรออกมาหลังขึ้นมาแรง และชะลอการลงทุนรอดูตัวเลข ส่วนตลาดหุ้นไทยก่อนหน้าไม่ได้ขึ้นร้อนแรงยกแผงขนาดนั้น เราคาดจะเห็นลักษณะการ Switching การเก็งกำไรระยะสั้นของหุ้นใหญ่ และมองนักลงทุนไทยอยู่โหมด Risk-on มากขึ้น และ Sensitive ข่าวลบบางอย่างลดลงจากช่วงก่อนหน้า

ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด Sideways 1400 +/-10 จุด และแนะนำเน้นการเลือกหุ้น Selective Buy อยู่ 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1) ปัจจัยบวกจากหุ้นรายตัว, 2) หุ้นใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายในการทำ Window dressing ของกองทุน และ 3) เริ่มหาหุ้นดัก Earnings play 4Q23 และปันผลเด่น

ภาพรวมการลงทุนยังมอง Sentiment เป็นไปในทิศทางที่ประเมินในรอบสัปดาห์ที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1380-1420 ได้ รีบาวน์รอบนี้ต้องได้ราวๆ 50-70 จุดจาก Low ล่าสุด

หุ้นแนะนำวันนี้ : SNNP  CPALL

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ไตรภาคียืนยันมติค่าแรงขั้นต่ำตามเดิมไปก่อน
  • แถลงรายละเอียดมาตรการ Easy E-Receipt ที่
  • รายงานตัวเลขการผลิตและส่งออกรถยนต์เดือน พ.ย. ของไทย
  • ประเด็นปรับโครงสร้างราคาก๊าซยังแนะนำติดตามต่อในรายละเอียด
  • ติดตามประเด็น Program Trade ต่อ
  • ปัจจัยมหภาคติดตามต่อของ สหรัฐฯ ได้แก่ GDP (พฤ.) , ตัวเลขจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (พฤ.) , และเงินเฟ้อ PCE (ศ.)
  • ผลกระทบจากกังวลความปลอดภัยในทะเลแดงจากกบฏฮูตีโจมตีเรือ วานนี้
  • ราคาน้ำมันดิบ อิงตาม Brent ปรับตัวขึ้นมาแตะ $80 ก่อนย่อตัวลงมาหลัง EIA เผยตัวเลขสต็อคน้ำมันสหรัฐ เพิ่มขึ้นสวนทางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง

Global Investing Brief : หุ้นสหรัฐฯ เริ่มพักความร้อนแรง ด้านธนาคารกลางจีนคงดอกเบี้ยตามคาด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • เมื่อคืนนี้ 3 ดัชนีหลักสหรัฐฯ พักความร้อนแรง โดยปรับลงราว 1.3-1.5% จากที่ปิดบวกติดต่อกัน 2 วัน คาดเป็นผลจากการล็อกกำไรของนักลงทุน รวมถึงเริ่มมีปริมาณการทำ Put Options ของดัชนี S&P 500 เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าสหรัฐฯ จะเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับขึ้นสู่ 110.7 จุด ในเดือน ธ.ค. 66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 66 และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 104.5 จุด เราจึงมองเป็นสัญญาณบวกต่อหุ้นกลุ่มอิงการบริโภคสหรัฐฯ เช่น Starbucks (SBUX) Target (TGT) และ Nike (NKE)
  • TomTom บริษัทแผนที่จากเนเธอร์แลนด์ ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักคือแบรนด์รถยนต์ เช่น BMW และ Mitsubishi เป็นต้น ประกาศเซ็นสัญญากับ Microsoft (MSFT) เพื่อนำเทคโนโลยี AI และ คลาวด์ไปใช้งานระบบสั่งการด้วยเสียงให้รองรับภาษาได้มากกว่าเดิม เราจึงมองเป็น upside ต่อรายได้ของบริษัทในระยะข้างหน้า ขณะที่ Bloomberg cons. เผยรายได้ของ MSFT ในปีบัญชี 67 มีแนวโน้มโตราว 14.8%YoY แตะ $243.3bn พร้อมให้ TP ที่ $414.00 (upside 11.7%)

ตลาดหุ้นฮ่องกง

  • ดัชนี Hang Seng ปิดบวก 0.7% นำโดย JD.com (9618) +3.3% และ ANTA Sports (2020) +1.9% หลังธนาคารกลางจีน (PBoC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ 3.45% และประเภท 5 ปีไว้ที่ 4.2% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้เราเชื่อว่าในปี 67 PBoC อาจเริ่มมีการใช้นโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังเราเห็นสัญญาณบวกจากการประชุมเศรษฐกิจ (CEWC) ที่รัฐบาลเผยว่าจะมีการใช้นโยบายแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง
  • Alibaba (9988) +1.5% ปิดที่ HKD72.55 หลัง Eddie Wu CEO คนปัจจุบันของ Alibaba Group ได้เข้ามารับตำแหน่ง CEO ของธุรกิจใน Tmall และ Taobao ธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แทน Trudi Dai โดยเรามองว่าการเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้จะทำให้การบริหารงานของบริษัทเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น ด้าน Bloomberg cons. ให้ TP ที่ HKD121.02 (upside 66.8%)

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • เมื่อวานนี้ ดัชนี VN ปิดบวก 0.4% นำโดย MSN +2.7% และ VNM +1.6% หลังเวียดนามคาดการณ์ยอดส่งออกผักและผลไม้ อาจโตแตะ $7bn ในปี 67 โดยช่วง 11M66 ยอดส่งออกผักและผลไม้โต 70%YoY แตะ $5.2bn ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการส่งออกทุเรียน (สัดส่วนราว 44% ของยอดส่งออกผลไม้ทั้งหมด) หลังจีนได้อนุมัติการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามเมื่อ ก.ค. 65
  • PNJ ที่มีน้ำหนักราว 9% ในดัชนีอ้างอิงของ DR FUEVFVND01 เผยกำไรเดือน พ.ย. 66 โต 32%YoY แตะ VND201bn มากกว่าที่ตลาดคาด หนุนจากการเค้าสู่ช่วงที่มักมีการจัดงานแต่งงานในเวียดนาม โดยเราเชื่อว่ากำไรของ PNJ มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนจากการที่บริษัทได้เน้นการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงอย่างต่อเนื่อง เช่น เครื่องประดับเพชร เป็นต้น

 หุ้นเด่นประจำวัน : Nike (NKE.US)

  • NKE จะเผยงบเดือน ก.ย.-พ.ย. 66 (F2Q67) หลังตลาดปิดในวันที่ 22 ธ.ค. 66 แม้ Bloomberg cons. เผยกำไรมีแนวโน้มหดตัว 2.1%YoY เหลือ $1.3bn แต่เรามองว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรในปีนี้ และจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในไตรมาสถัดไป เนื่องจากร้านค้าปลีกเครื่องกีฬาอาจเริ่มเติมสต็อกสินค้ามากขึ้นหลังเทศกาลช่วงสิ้นปี
  • เราจึงมองเป็นโอกาสลงทุนก่อนเผยงบ ด้วยมูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพง โดย Forward P/E 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 29.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 32 เท่า ราว 0.5 s.d.
- Advertisement -