บล.บัวหลวง: 

Bank – ตัวเลขสินเชื่อเดือน พ.ย. อ่อนตัวลง แต่คาดจะฟื้นตัวกลับในเดือน ธ.ค. (NEUTRAL)

สินเชื่อรวมของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำลดลง 0.6% MoM

ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2566 เนื่องจากการชำระคืนโดยบริษัทเอกซนและหน่วยงานของรัฐ แต่เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์สินเชื้อรายย่อยและเงินทุนหมุนเวียน โดยเราชอบ BBL และ KTB มากที่สุดในกลุ่ม

สินเชื่อสุทธิรวมลดลง MoM ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2566

ธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราให้คำแนะนำรายงานสินเชื่อสุทธิรวมอยู่ที่ 10.8 ล้าน ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2566 ลดลง 0.6% MoM (รูปที่ 1) เนื่องจากการชำระคืนของบริษัทและหน่วยงานของรัฐ สินเชื่อสุทธิลดลงนำโดย KTB (ลดลง 1.5% MoM; การชำระคืนของหน่วยงานของรัฐ), BBL (ลดลง 1.4% MoM; BBL ไม่ได้ระบุตัวเลขแยก), TTB (ลดลง 0.5% MoM; การชำระคืนของลุกค้าองค์กรและ SME) และ SCB ( ลดลง 0.2% MoM การชำระคืนของลูกค้าองค์กรและ SME) ในทางตรงกันข้าม KKP (เพิ่มขึ้น 0.8% MoM; สินเชื่อองค์กรและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ), TISCO (เพิ่มขึ้น 0.5% MOM; สินเชื่อจำนำทะเบียนรถและสินเชื่อองค์กร) และ KBANK (เพิ่มขึ้น 0.4% MoM; KBANK ไม่ได้ระบุตัวเลขแยก) รายงานการเติบโตของสินเชื่อสุทธิ MoM สำหรับเดือนพ.ย.

เมื่อมองไปยังเงินฝากรวม หุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 12.3 ล้าน ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพ.ย. ลดลง 0.8% MoM (รูปที่ 2) เนื่องจากบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) KTB, SCB, KBANK และ TTB รายงานการปรับตัวลดลงของเงินฝาก MoM ในทางตรงกันข้าม เงินฝากของ KKP และ BBL เพิ่มขึ้น MoM เงินฝากของ TISCO ทรงตัว MoM

ความเสี่ยงดาวน์ไซด์ต่อประมาณการการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธนาคารในปี 2566 ของเรา

กลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ รายงานสินเชื่อสุทธิรวมอยู่ที่ 10.8 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2566 ลดลง 0.7% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตในเดือนธ.ค. 2566 หนุนจากอุปสงค์เงินทุนหมุนเวียนและ สินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ยังมีดาวน์ไซด์เล็กน้อยที่ 2-3% ต่อประมาณการการเติบโตของสินเชื่อรวมปี 2566 ของเราที่ 2.7% YoY เนื่องจากธนาคารบางแห่งมีการจัดการหนี้เสียออกไปและคัดกรองสินเชื่ออย่างเข้มงวด (BBL, KBANK, KTB, SCB และ TTB) ในทางตรงกันข้าม KKP และ TISCO คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2566

กำไรสะสมของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.44 หมื่นล้านบาทจากสิ้นเดือน ก.ย. (รูปที่ 3) การเปลี่ยนแปลงในกำไรสะสมรวมบ่งชี้ว่ากำไรสุทธิรวมสำหรับเดือนต.ค.และพ.ย. ค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่จะมีการปรับการตั้งสำรอง และกำไร/ขาดทุน จากราคาตลาดในงบการเงินไตรมาส 4/66 ของธนาคาร

แต่ผลกระทบควรถูกชดเชยด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ดีขึ้น

หากการเติบโตของสินเชื่อปี 2565 ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำต่ำกว่าที่เราคาด ผลกระทบอาจจะได้รับการชดเชยไม่มากก็น้อยด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เฉลี่ยที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ในปัจจุบัน กำไรสุทธิรวม ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำคิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปีของเรา ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่ามีเพียงดาวน์ไซด์ที่จำกัดต่อประมาณการกำไรรวมปี 2566 ของเรา

- Advertisement -