สถิติสัปดาห์สุดท้ายของ ธ.ค. ตลาดหุ้นไทยมักดี
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.05% บรรยากาศซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบๆเนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลคริสต์มาส แม้จะรายงานเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดก็ตาม ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.4% เผชิญแรงทำกำไรหลังจากเข้าใกล้วันหยุดเทศกาลคริสต์มาส
Market Outlook
คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเลข อาทิ (1) เงินเฟ้อ (PCE, Core PCE) รายงานออกมาที่ 2.6%YoY , -0.1%MoM และ 3.2%YoY , 0.1%MoM ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.8%YoY ทรงตัว MoM และ 3.3%YoY , 0.2%MOM ด้านองค์ประกอบภายในพบว่าราคาสินค้าคงทนปรับลง ต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อ และราคาพลังงานก็ปรับลงต่อเนื่องเช่นกัน โดยสินค้าที่ราคายังคงปรับเพิ่มขึ้นได้แก่ภาคบริการ สินค้าไม่คงทน อาหาร อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเป็นเพียงการปรับแบบชะลอตัวลง (2) ยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯรายงานออกมาที่ 5.9 แสนหลังคาเรือน แย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6.89 แสนหลังคาเรือน ดังนั้นด้วยเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง ประกอบกับยอดขายอสังหาฯที่แย่กว่าคาดกำลังเป็นตัวสะท้อนถึงการอ่อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ สอดคล้องกับมุมมองของตลาดต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ที่เริ่มเห็นสัญญาณของ US Bond Yield ปรับลงต่อเนื่อง และ CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 86% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ และให้น้ำหนักอีก 15% จะที่ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% และประเมินดอกเบี้ยจะปรับลงในช่วงเดือน มี.ค. ด้วยน้ำหนัก 75%
ส่วนปัจจัยในประเทศรัฐบาลได้อนุมัติโครงการ E Receive โดยเป็นโครงการซื้อสินค้าและบริการตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 5 หมื่นบาทตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 24 คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนในระบบราว 7 หมื่นล้านบาท (Upside ต่อ GDP 0.18%) แต่สินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ น้ำมันและแก๊ลสำหรับเดิมยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆโดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถใช้ควบคู่กับ Digital Wallet หากเข้าเงื่อนไขที่กำหนดเรามองหุ้นค้าปลีก ร้านอาหาร และโรงแรม ได้ประโยชน์จากโครงการข้างต้น (BJC CPALL CRC COM7 HMPRO MINT) และปัจจัยติดตามได้แก่การค้าระหว่างประเทศของไทยในวันจันทร์ Bloomberg Consensus ประเมินมูลค่าส่งออกจะขยายตัว 5%YoY แต่ยังขาดดุลการค้า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัปดาห์นี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ไว้ที่ 1390 – 1420 เชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะทยอยสะสมได้รอการฟื้นตัวในปีหน้า เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ศูนย์การค้า (CPN) สื่อสาร (ADVANC) ส่งออก (ITC TU)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 159.00 บาท)
คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/23 จะโต 168% YoY เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (N) ที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง แต่อาจลดลง QoQ เพราะค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้นขณะที่หุ้นมีมูลค่าที่น่าถึงดูด ซื้อขายที่เพียง 0.54% PBV’24E หรือ -1.25SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)
คาดว่ากำไรไตรมาส 4/23 จะโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จาก SSSG ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไร ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดี และการขาดหายไปของค่าตอบแทนพนักงานพิเศษที่เกิดขึ้นปีก่อน ปัจจัยบวกสำคัญคือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐผ่านนโยบายเงิน ดิจิทัล 5 แสนล้านบาท