ส่งออกดีพร้อมกับนำเข้าที่ขยายตัว

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงตลาดหุ้นฝั่ง EU ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือน พ.ย. ขยายตัว 4.9%YoY แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ ยุทธปัจจัยจะขยายตัวราว 4%YoY ซึ่งตลาดส่งออกสำคัญของไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากภาวะเงินเฟ้อสูงเริ่มปรับลงและจะกลับสู่ระดับเป้าหมายในปีหน้า ขณะเดียวกันหลายๆ ประเทศก็ได้ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย หนุนความเชื่อมั่นในการบริโภคให้สูงขึ้น โดยการส่งออกรายสินค้าในภาพรวมขยายตัวทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดสินค้าเกษตรที่ขยายตัวมากกว่าหมวดอื่นๆ ด้านสินค้าอุตสาหกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่องตามวัฏจักรการฟื้นตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าเกษตรที่ขยายตัวและมีหุ้นได้ประโยชน์ประกอบไปด้วย อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+2.5%YoY) อาหารสัตว์เลี้ยง (+3.3%YoY) เป็นบวกต่อหุ้น (ITC TU) สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว (+3.4%YoY) โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นประกอบไปด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (+10%YoY) บวกต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) อย่างไรก็ตามการนำเข้าในเดือน พ.ย. ขยายตัว 10%YoY มากกว่าตลาดคาดไว้ที่ 3%YoY สินค้านำเข้าที่ขยายตัวเด่นได้แก่สินค้าทุน (+24%YoY) ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง (+22%YoY) คาดว่าเป็นการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) บวกต่อหุ้น สินเชื่อเช่าซื้อ (KKP TISCO) และคลังรถยนต์ (SJWD)

วันนี้ประเมิน SET INDEX ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 1400 – 1420 ตามภาวะที่ไร้ปัจจัยใหม่ๆ ซึ่งเช้านี้ตลาดหุ้นบางประเทศยังปิดทำการ อาทิ ฮ่องกง อินโดนีเซีย และฝั่ง EU แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะกลับมาเปิดทำการในคืนนี้ อย่างไรก็ตามมิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญแต่อย่างใด สำหรับตลาดหุ้นไทยยังคงคาดหวังถึงการค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็น ค่อยไปตาม Valuation ที่น่าสนใจและการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบันตามปรากฏการณ์ Window Dressing รวมไปถึงการได้เม็ดเงินก้อนใหม่จากกองทุน TESG เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะทยอยสะสมได้เช่นเดิมเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) สินค้า IT (COM7) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (ITC TU) สื่อสาร (ADVANC) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) กลุ่ม Digital (BBIK)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท)

แนวโน้มในช่วง 4Q23 เรายังมองว่าเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดอยู่ จากผลดีของต้นทุนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาปลาทูน่าที่ในเดือน ต.ค. ลดลงมาอยู่ที่ 1,600 เหรียญฯ/ตันแล้ว จากค่าเฉลี่ย 1,800 เหรียญฯ/ ตันใน 3Q23 รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นช่วงที่ลูกค้าสะสมสินค้าเพื่อรอขายในช่วงเทศกาลปลายปี

BBIK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 123.50 บาท)

เริ่มต้นบทวิเคราะห์ BBIK ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 123.50 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC: 11.9%) คำแนะนำซื้อสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพการเติบโตด้านกำไรต่อหุ้น (EPS) เฉลี่ยต่อปีในช่วง 2023-25 ที่ 59.8% (ไม่รวมการเติบโตทางอ้อมใหม่ ๆ) หนุนจาก 1) ประโยชน์ร่วมจากการควบรวม Innoviz และ Valcan ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายต่อหัวได้ 2) การเดิบโตอย่างมั่นคงของ Orbit บริษัทร่วมทุน (JV) กับ PTTOR ที่สร้าง upside ให้กับกำไรของ BBIK ได้เป็นอย่างดี และ 3) สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจาก BOI จนถึงปี 2030

- Advertisement -