KS Daily View 28.12.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,410-1,420 จุด จากหุ้นโลกขึ้นต่อ bond yield ลง และบาทแข็ง รวมถึงแรงซื้อกองทุนจากการทำ window dressing หุ้นแนะนำ GPSC, SISB

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.30%, S&P 500 +0.14%, NASDAQ +0.16%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Health Care (+0.46%), Real Estate (+0.46%), Consumer Staples (+0.44%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-0.52%), Communication Services (-0.21%), Utilities (-0.12%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -3.02 จุด หรือ -0.21% ปิดที่ 1,410.43 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ SJWD (+4.83%), RCL (+4.70%), DOHOME (+3.31%), THG (+2.31%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ SAWAD (-3.55%), HANA (-3.24%), DELTA (-2.93%), MTC (-2.20%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด คาดตลาดยืนแดนบวกได้ในวันทำการสุดท้ายของปี 2566 จาก sentiment บวกคืนก่อนตลาดสหรัฐปรับขึ้นทั้งสามดัชนีหลักและเป็นการปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีปรับลดลง 10bps. เป็น 3.789%และค่าเงินบาทล่าสุดแข็งค่าเป็น 34.28 บาทหลัง USD อ่อนค่า 0.5% วานนี้บนคาดการณ์โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 25bps. ครั้งแรกในเดือน มี.ค. 2567 เพิ่มเป็น 73.9% มองเป็น sentiment บวกกับตลาดหุ้น คาดปริมาณการซื้อขายวันนี้เบาบาง แต่จะได้แรงหนุนจาก flow ของกองทุนไทยทั้งจากกองทุน TESG และการทำ window dressing

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 2% ในวันพุธ (27 ธ.ค.) ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากมีรายงานว่าเรือขนส่งสินค้าจะเริ่มกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้ง ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในทะเลแดง เมอส์ก (Maersk) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์ก, ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม (CMA CGM) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งรายใหญ่ของฝรั่งเศส และบริษัทฮาแพค-ลอยด์ (Hapag-Lloyd) ของเยอรมนี ประกาศว่าจะกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้ง หลังจากสหรัฐและชาติพันธมิตรอีกกว่า 10 ประเทศได้เปิดปฏิบัติการผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง (Operation Prosperity Guardian) เพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มฮูตี
  2. ติดตามความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ทำหนังสือสอบถามรายละเอียดข้อกฎหมายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้ว คาดว่าในเร็ว ๆ นี้ จะได้รับคำตอบกลับมา จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนการยกร่างกฎหมาย นั่นคือ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาตามขั้นตอน เบื้องต้นคาดว่า จะเสนอไปตามหลัง ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปะจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ต่อไป
  3. สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรมีหนังสือตรงถึง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาการขยายเพดานราคาที่อยู่อาศัยที่ได้รับการลดค่าโอน (ค่าโอนลดจาก 2% เป็น 1%) และค่าจดจำนอง (ค่าจดจำนองลดจาก 1% เป็น 0.01%) จาก ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทหรือสูงกว่านั้น  เพราะต้องการขยายฐานกลุ่มกำลังซื้อใหม่ให้กว้างขึ้น เนื่องจากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งใช้ตัวเลขนี้มาโดยตลอด ทาง 3 สมาคมอสังหาฯประเมินว่ากำลังซื้อกลุ่มนี้น่าจะหมดไปหรือไม่มีกำลังซื้อใหม่ ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อสูง มองเป็น sentiment บวกกับกลุ่มอสังหาฯ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,410-1,420 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของ USD หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยชัดเจนในปีหน้า หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในตลาด Emerging market โดยตลาดหุ้นไทยยัง laggard ดัชนี MSCI ACWI มากกว่า 30% YTD นอกจากนี้คาดจะเห็นเม็ดเงินกองทุน Thai ESG เริ่มทยอยเข้าลงทุนหลังจบช่วง IPO และอาจเห็นการทำ window dressing ช่วงปลายปีด้วย สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่เหลือที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของ ธปท. ขณะที่ประเด็นในต่างประเทศต้องติดตามสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงการโจมตีเรือสินค้าของกลุ่มฮูตีในทะเลแดง ซึ่งล่าสุดได้มีการวางกำลังปฏิบัติการทางทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับรองความปลอดภัยทางการค้าในพื้นที่ทะเลแดง

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • GPSC (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) Sentiment บวกจาก bond yield สหรัฐอายุ 5-30 ปี ต่างปรับตัวลง 10 bps สำหรับพันธบัตรอายุ 10 ปี ล่าสุด yield อยู่ที่ 3.79% (ระดับต่ำสุดตั้งเดือนก.ค.) หลังการประมูลพันธบัตรสหรัฐ วันอังคาร-พุธ มี demand ที่แข็งแกร่ง ค่าเงินดอลล่าร์และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงยังเป็นอีกปัจจัยบวกที่สนับสนุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า
  • SISB (ราคาพื้นฐาน 39.26 บาท) ภาพระยะยาวเป็นบวกจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย สนับสนุน demand นักเรียนใหม่อย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพระยะสั้น-กลาง เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2566 จะขยายตัวขึ้น YoY และ QoQ จากจำนวนนักเรียนที่มากขึ้นจากทั้ง 4 สาขาเดิมและ 2 สาขาใหม่ที่ระยองและนนทบุรี เราเชื่อว่าสาขาเดิมและ 2 สาขาใหม่ กอปรกับโครงการลดค่าเรียนลงครึ่งหนึ่ง ในปี 2568 เพื่อนำเสนอทางเลือกให้กับครอบครัวที่มองหาการศึกษาที่มีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตเนื่องจากจำนวนนักเรียนที่สาขานนทบุรีอยู่ที่ 277 คนแล้วขณะนี้ เทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2566 ที่ 250 คน ขณะที่จำนวนนักเรียนที่สาขาระยองอยู่ที่ 100 คน ขณะนี้ เทียบกับเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ที่ 120 คน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกของญี่ปุ่น (Retail sales) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาด +0.3% MoM เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ -1.6% MoM และติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธปท. โดยตัวเลขการบริโภคและการลุงทุนภาคเอกชนขยายตัวในเดือนก่อนหน้าที่ 1.7% YoY และ 1.4% YoY ตามลำดับ ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ จะมีรายงานตัวเลข Pending Home Sales เดือน พ.ย. คาด +0.9% MoM และตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์คาด +210K ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ +205K
  • วันศุกร์ เป็นวันหยุดชดเชยวันปีใหม่สำหรับประเทศไทย ส่วนสหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลข Chicago PMI เดือน ธ.ค. คาด 51 จุด (-8.6% MoM)
- Advertisement -