บล.บัวหลวง:
Bank – แนวโน้มกำไรขยายตัวต่อในปี 2567 (NEUTRAL)
เราคาดการเติบโตของกำไรสุทธิรวมกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 31% YoY ในไตรมาส 4/66 หนุนจาก NIM ที่ขยายตัว อัตราการตั้งสำรองที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง เราคาดกำไรรวมปี 2567 ของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะขยายตัว 8% YoY มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับถูก โดยเราชอบ BBL และ KTB มากที่สุดในกลุ่ม
คาดกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง YoY ในไตรมาส 4/66
ธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะรายงานกำไรสุทธิรวมไตรมาส 4/66 ที่ 4.32 หมื่น ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YoY (แต่ลดลง 14% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น QoQ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นกำไรจากราคาตลาดเครื่องมือทางการเงิน) ปัจจัยขับเคลื่อนกำไร YoY คือ NIM ที่สูงขึ้นและอัตราการตั้งสำรองที่ลดลงและอัตราส่วนค่าใช้จ่าย ต่อรายได้ที่ลดลง NIM เฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะขยายตัวที่ 30bps YoY และ 2bps QoQ ในไตรมาสนี้ ประมาณการการตั้งสำรองของเราในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1.58% ลดลง 15bps YoY และทรงตัว QoQ หนุนจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น YoY ควบคู่ไปกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เราคาด ว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้กลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำเฉลี่ยอยู่ที่ 47.7% ลดลง 43bps YoY (แต่เพิ่มขึ้น 385bps QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล)
KBANK, BBL และ SCB เป็นผู้นำการเติบโตไตรมาส 4/66
เราคาด KBANK จะรายงานกำไรเติบโต YOY เร็วที่สุดที่ 181% หนุนโดย NIM ที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง (ลดลง 21% QoQ จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล) เราคาดว่า BBL จะรายงานกำไรสุทธิที่ 9.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY เนื่องจาก NIM ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ลดลง (ลดลง 16% QoQ เนื่องจากอัตราส่วนค่าใช้จ่าย ต่อรายได้ที่สูงขึ้น QoQ ) เราคาด SCB จะรายงานกำไรสุทธิเติบโต 17% YoY หนุนโดย NIM ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง (ลดลง 14% QoQ จากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่สูงขึ้น) เราคาดกำไรสุทธิ TTB อยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY ซึ่งเป็นผลมาจาก NIM ที่สูงขึ้นและ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ลดลง (ลดลง 6% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น) KTB จะรายงานกำไรสุทธิเติบโต 9% YoY หนุนโดย NIM ที่เพิ่มขึ้น (ลดลง 14% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น) ประมาณการกำไรสุทธิของ TISCO เติบโต 4% YoY (ทรงตัว QoQ) หนุนโดยสินเชื่อเติบโต 8% YoY
ในทางตรงกันข้าม เราคาดว่า KKP จะรายงานกำไรที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 12% YoY (ทรงตัว QoQ) เนื่องจาก การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นและการขาดทุน ที่มากขึ้นจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึด
BBL, TTB และ KTB จะเป็นผู้นำการเติบโตกำไรไตรมาส 1/67
เราคาดกำไรรวมกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำในไตรมาส 1/67 ที่ ที่ 4.99 หมื่นล้านบาท ทรงตัว YOY (สินเชื่อและ NIM ที่สูงขึ้นจะกลบผลกระทบของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกำไรจากราคาตลาดที่ลดลงจากเครื่องมือทางการเงิน) แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง) BBL มีแนวโน้มที่จะรายงานกำไรเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 6% YOY (NIM ที่เพิ่มขึ้น) ตามด้วย TTB (เพิ่มขึ้น 6% YoY, NIM ที่เพิ่มขึ้น) และ KTB (เพิ่มขึ้น 5% YoY, NIM ที่เพิ่มขึ้น) เราคาดว่า TISCO และ KBANK จะรายงานกำไรทรงตัว YoY ในทางตรงกันข้าม KKP คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิลดลง 38% YoY (การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นและขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น) SCB มีแนวโน้มรายงานกำไรสุทธิที่ 9.9 พันล้านบาท ลดลง 10% YoY (รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง