กระแสลมจากภายนอก / 1,420-1,445

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัวออกด้านข้าง แม้กรอบหลักยังเป็นทางขึ้น: โดยถูกแรงกดดันในเชิง Sentiment จากฝั่งสหรัฐฯ ตามการเปิดวันทำการแรกของปีที่ไม่สดใสนัก หลัง S&P500 และ Nasdaq ต่างปิดในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันจาก US Bond Yield 2 ปี และ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 4.35% และ 3.97% ตามลำดับ ก่อนที่เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ในคืนนี้ ซึ่งการปรับตัวขึ้นดังกล่าวของ US Bond Yield คาดเป็น Sentiment ทางลบต่อ SET Index เช่นกัน โดยเฉพาะสำหรับหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มปรับตัวลง ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง 1.8% ปิดที่ $70.38 ต่อบาร์เรล หลังถูกกดดันจาก Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 102 นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ และยุโรปที่ระดับ 47.9 และ 44.4 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 และบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 2 และ 18 ติดต่อกัน ตามลำดับ คาดเป็นอีก Sentiment เชิงลบเช่นกัน อย่างไรก็ดี มองทางลงของ SET Index จํากัด หลังนายกฯ เผยตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ การเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยและจีนไม่ต้องใช้วีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศเป็นการถาวร ซึ่งถือเป็นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยมองยังมีแรงหนุนจากมาตรการ Easy E-Receipt อีกทั้งมอง SET Index จะยังคงมีแรงหนุนจาก January Effect ขณะที่คืนนี้จับตาการรายงานการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ในภาคแรงงาน โดยตลาดคาดที่ 8.85 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจาก 8.73 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค.
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending+ท่องเที่ยว: AAV, AOT, CENTEL, COM7, CPALL, CPAXT, CRC, ERW, HMPRO, ONEE, SNNP, SYNEX 2) January Effect: KBANK, SCB, STA, NER และ 4) ลดค่าธรรมเนียมอสังหาฯ : AP, BRI, LH, SPALI

ปัจจัยบวก

  • สถาบันดัชนีจีน (CIA) เผยผลสำรวจระบุว่า ราคาบ้านใหม่ของจีนเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% ปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันโดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาล
  • AOT คาด 7 วันช่วงปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2566-4 ม.ค. 2567 ผู้โดยสารสุวรรณภูมิโต 27%เฉลี่ย 1.8 แสนคน/วัน
  • ธปท. เผยว่า ดัชนีความเชื่อมันทางธุรกิจโดยรวมเดือนธ.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 49.1 ทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนพ.ย. 66 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.0 โดยความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อผลประกอบการ และการผลิตเพิ่มขึ้นขณะที่ด้านการจ้างงาน และการลงทุนปรับลดลงเมื่อวานนี้
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,256.46 ลบ, และเป็นการซื้อสุทธิ 2 วันทำการติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,423.13 ลบ. และเป็นการซื้อสุทธิ 6 วันทำการติดต่อกัน

ปัจจัยลบ

  • หลังสหรัฐฯทำลายเรือของกบฏฮูตี 3 ลำ ทำให้อิหร่าน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนได้ส่งเรือรูบ Alborz เข้าสู่ทะเลแดงทำให้สถานการณ์ในทะเลแดงตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
  • สนค. รายงานว่า 3ปีที่ผ่านมามีความเห็นว่ารายได้ภาคเกษตรเติบโตแบบอ่อนแอเพียง 3.81% ต่อปี เมื่อเทียบกับรายจ่ายที่ขยายตัวสูงกว่า 6.3% ต่อปี ทำให้ครัวเรือนเกษตรมีภาระหนี้สินที่สูงขึ้น เป็นแรงกดดันต่อกำลังซื้อจากกลุ่มเกษตรกรและเพิ่มความเสี่ยงด้านหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้น
  • ม.หอการค้าฯ หั่นคาดการณ์ GDP ปี 66 เหลือโต 2.5% จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด และ รายจ่ายภาครัฐบาลที่ชะลอตัว หลังได้รัฐบาลใหม่ช้ากว่ากำหนด ส่วนปี 67 คาดโต 3.2%

PICKS OF THE DAY

CENTEL BUY

  • เป้าหมาย 46.00 / 48.00 แนวรับ 43.50
  • นักท่องเที่ยวโต +รับรู้ Grand Osaka เต็มปีในปี 67: ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยปี 66 ทะลุ 28 ล้านคน ขยายตัว 151%y-y และการเปิดฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรม ขณะที่ผู้บริหารคาดในปี 67 จะมีการรับรู้ผลประกอบการของโรงแรม Centara Grand Osaka เข้ามาเต็มปี ซึ่งคาด Occ. Rate ทั้งปีจะสูงกว่า 80% และราคาพักต่อคืนเฉลี่ยเกิน 3 หมื่นเยน กอปรกับมีแผนเปิดโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์อีก 145 ห้อง ในช่วงปลายปี 67
  • รับอานิสงส์ Easy E-Receipt: หลังออก Campaign เที่ยวด้วยกันกับเซ็นทารา โดยให้ผู้เข้าพักโรงแรม หรือ เข้าใช้บริการห้องอาหาร และ สปา ในเครือ เซ็นทารา สามารถใช้ E-Receipt เพื่อลดหย่อนภาษีได้ ในช่วง 1 ม.ค ถึง 15 ก.พ. 67

HMPRO BUY

  • เป้าหมาย 12.60 / 13.00 แนวรับ 11.70 / 12.00
  • นโยบายรัฐหนุนจับจ่ายใช้สอย: โดยทางฝ่ายมองได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งสามารถใช้ลด หย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาทต่อราย กอปรกับในช่วงต้นปียังอยู่ในช่วง High Season ที่จะหนุนยอดขายให้ 1Q67 เติบโตต่อเนื่องจาก 4Q66
  • ขยายสาขาต่อเนื่อง: ปี66 บริษัทมีการส่งเสริมการขาย (Trade-in) จนถึงสิ้นปี รวมถึงดำเนินการตามแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยในปีนี้ทางบริษัทฯ ตั้งงบลงทุน 5-6 พัน ลบ. เพื่อรองรับต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง, การซ่อมแซมบ้าน และตลาดอสังหาฯ ที่จะเติบโตตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจราว 2-4%
- Advertisement -