MARKET OUTLOOK

จากที่ FED จะปรับดอกเบี้ยในปีนี้ทำพันธบัตรสหรัฐฯ ลงต่อเนื่อง พรุ่งนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย กรอบ SET INDEX 1415-1430

เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลยตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) ที่ 8.79 ล้านตำแหน่ง แย่กว่า ที่ Bloomberg Consensus คาดไว้เล็กน้อย (คาดไว้ 8.84 ล้านตำแหน่ง) พร้อมกับรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM, PMI) ที่ 47.4 ใกล้เคียงกับ Bloomberg Consensus คาดไว้ 47.2 สำหรับรายงานผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อช่วงเดือนธ.ค.ปี 2023 ได้ใจความว่าคณะกรรมการได้ร่วมกันตัดสินใจว่าจะปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วหลังจากที่นักลงทุนทราบข้อมูลทั้งหมดข้างต้นพบว่า CME FedWatch ให้น้ำหนัก ราว 91.2% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมและอีก 8.8% คาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25%ในการประชุมปลายเดือนม.ค. ปี 2024 และประเมินการปรับลดดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงการประชุมปลายเดือนมี.ค. ปี 2024 ด้วยโอกาส 65% ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อคืนทั้งรุ่นอายุ 2ปี และ 10ปี ปรับลง แม้ระหว่างวัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ10 ปี จะปรับขึ้นไปเกินกว่าระดับ 4% ก็ตามแต่ท้ายที่สุดยังคงลงมาปิดที่ 3.9%

ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.2 แสนตำแหน่งและผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.17 แสนตำแหน่ง หากรายงานแล้วบ่งชี้ในทางต่ำกว่าที่คาดการณ์จะเป็นบวกกับตลาดหุ้นมากกว่า

ปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่พรุ่งนี้รอติดตามเงินเฟ้อไทยประจำเดือนธ.ค. ปี 2023 Bloomberg Consensus ประเมินไว้ว่าจะติดลบ0.4% YoY ยังคงประเมินว่าไทยไม่ได้เข้าสู่เงินฝืดแต่สาเหตุที่เงินเฟ้อติดลบเป็นเพราะรัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาพลังงาน วันนี้ประเมิน SET Index ปรับลงในกรอบ 1415-1430รับแรงกดดันจากการปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯประกอบกับเช้านี้ตลาดหุ้นญ่ปุ่น (Nikkei) ปรับฐานแรงถึง 2.2% อย่างไรก็ตาม ยังมองตลาดหุ้นไทยจะ Outperform (ปรับขึ้นมากกว่า หรือ ปรับลงน้อยกว่า) เนื่องจากระดับ Valuation ไม่แพงและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลกจะเป็นปัจจัยบวกให้กับกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) และ SET Index เชิงกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่ Trading มาจากด้านล่างอาจเริ่มพิจารณาทำกำไรส่วนการปรับฐานยังมองเป็นโอกาสสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางเน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, HMPRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, MINT) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB) ศูนย์การค้า (CPN) สื่อสาร (ADVANC) ส่งออก (TU) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (AP, SPALI) ส่วน Trading ระยะสั้นเลือกน้ำมัน (PTTEP) ตามปรับขึ้นของน้ำมัน

หุ้นแนะนำวันนี้

PTTEP ราคาพื้นฐาน 180.00 บาท

ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกำไรของ PTTEP ในไตรมาส 4/23 และปี 2024ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นจะหนุนราคาขายเฉลี่ย ขณะที่ผู้บริหารให้แนวทางปริมาณขายว่าจะโต 9% YoY ในปี 2024 หนุนจากแหล่งเอราวัณ (G1/61) ที่เร่งการผลิตเป็น 800 MMSCFD EIA ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะยังยืนในกรอบสูงช่วงไตรมาส 4/2 ถึงปี 2024 จากสภาวะอุปทานที่ตึงตัวหลัง OPEC+ ลดการผลิตลง

ICHI ราคาพื้นฐาน 18.00 บาท

มองบวกต่อภาพรวมไตรมาส 4/23 ถึงปี 2024 หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มชาพร้อมดื่มและคาดการณ์ว่าอัตราการดำเนินงานจะเพิ่มเป็น 73% ในปี 2023 และ 75% ในปี 2024 จาก 60% ในปี 2022 กำไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 328 ล้านบาท (+71% YoY, +28% QoQ) สูงเป็นประวัติการณ์

- Advertisement -