Daily Focus; Short-term Retreat / / Selective Play

2024 SET Target: 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดและแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคที่ปรับตัวลงแรงพอสมควร โดยดัชนีปิดลบเพียงเล็กน้อย 3.76 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.5 หมื่นลบ. กลุ่มที่ถ่วงตลาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก พลังงาน เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดคือรับเหมาฯ ประกัน ไฟแนนซ์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 616 ลบ.และ 899 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures 1.6 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,423-1,435 จุด จากบรรยากาศการลงทุนโดยรวมที่ยังค่อนไปในทางลบ หลังตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง พักฐานจากที่ปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า รับความคาดหวังเชิงบวกต่อต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ไปค่อนข้างมาก ล่าสุดรายงานการประชุม FED ที่เปิดเผยวานนี้ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะถูกปรับลงในปี 2024 แต่ช่วงเวลายังไม่ชัดเจน แม้เงินเฟ้อจะปรับตัวลงจากผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า แต่มองดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับสูงอีกระยะหนึ่ง จากความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ ทำให้ตลาดเริ่มทยอยปรับลดความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยของ FED เดือน มี.ค. นี้ลงจากระดับกว่า 70% เหลือ 65% ส่วนราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนดีดตัวขึ้นแรง 3% จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่สูงขึ้น และมีความเสี่ยงขยายวงกว้าง ทำให้กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำมีโอกาสพลิกมาปรับตัวบวกในระยะสั้น ขณะที่กลุ่ม Anti-Commodity จะย่อตัวสวนทาง เรามองหุ้นกลุ่ม Defensive จะแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตามระยะกลาง-ยาวเรายังมอง ว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับมา Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบจ.ที่จะเร่งตัวขึ้นใน 4Q23-2024 สวนทางฝั่งต่างประเทศ โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกที่คาดเห็นทิศทางเศรษฐกิจชะลอและดอกเบี้ยปรับลง ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีตทั้งในแง่ PER ที่ราว 15 เท่าและ EY Gap ที่ 3.9%

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่อง หลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 258.74 บาท
  • ตลาดคาดกำไรปกติ 4023 ที่ 7.7 พันลบ. +15% q-q, +1% y-y หนุนจาก High Season ซึ่งมีปริมาณการใช้งานที่มากขึ้น ขณะที่การแข่งขันที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมายังหนุนให้ ARPU ขยับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง จบปี 2023 คาดกำไรปกติที่ 2.9 หมื่นลบ. +13% y-y
  • โมเมนตัมกำไรปี 2024 คาดว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่องที่ระดับ 3.1-3.2 หมื่นลบ. จากภาพการแข่งขันที่เอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นและเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากเงินลงทุน 4G-5G ขณะที่ปันผลงวด 2H23 ตลาดคาดที่ราว 4.7 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 2.1%
  • แนวรับ 216//212 บาท แนวต้าน 222//227-230 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$350 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$157 ล้าน และ US$139 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทย US$26 ล้าน ตลาดหุ้นถูกกดดันจากฝั่งสหรัฐฯที่เผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากตอบรับความคาดหวังเชิงบวกต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ปีนี้ไปค่อนข้างมาก ขณะที่รายงานการประชุม FED เมื่อคืนที่ออกมาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าการลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นเมื่อได้ ทำให้ตลาดทยอยปรับลดความน่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ลงจากเดิมที่เหนือ 70% สู่ระดับ 65%

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) MASTER คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 115 ลบ. +15% q-q, +46% y-y จากการรับรู้รายได้จากจำนวนเตียงใหม่ที่เพิ่มเต็มไตรมาส และปกติเป็น High season ของธุรกิจ โดยเราคาดจำนวนชั่วโมงในการผ่าตัดจะเพิ่มขึ้น 8.3% y-y มาอยู่ที้ 13,632 ชั่วโมง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% q-q และ 8% y-y ทำสถิติสูงสุดที่ 509 ลบ. ใน 4Q23 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดยังสูงใกล้เคียง 3Q23 และสูงกว่า 4Q22 ทำให้คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2023 +22% y-y สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดกำไรปี 2024 +46% มาจากการรับรู้เตียงใหม่ได้เต็มปี และคาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยที่ลงทุน 10 บริษัทในปี 2023 คงราคาเป้าหมาย 71 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) CBG คาดไม่ได้รับผลบวกจากการลดภาษีสุราแช่ ขณะที่การปรับขึ้นภาษีโซจูเรามองถูกกระจำกัด หลัง ครม.ปรับปรุงอัตราภาษีสุราพื้นเมืองและสุราแช่อื่นๆ เราสอบถามไปยังสรรพสามิตพบว่า ปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้ครอบคลุมเฉพาะสุราแช่ (ที่ไม่รวมเบียร์) เท่านั้น เบื้องต้นอาจกระทบโซจูแทยังของตะวันแดง ที่ CBG เป็นผู้จัดจำหน่ายให้ แต่ยังต้องดูกระบวนการผลิตด้วย ถ้าไม่ผ่านกระบวนการกลั่น จะเป็นสุราแช่ ต้องเสียภาษีสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากถูกกระทบ คิดว่ากระทบไม่มาก เพราะรายได้จำหน่ายสุราปัจจุบันอยู่ที่ 26% ของรายได้รวม ส่วนใหญ่เป็นสุราข้าวหอม ขายโซจูไม่เกิน 4% ของรายได้รวม ส่วนสุราข้าวหอมบรั่นดี และเบียร์ ไม่ได้รับผลบวกจากการปรับลดภาษีสุรา ยังคงราคาเป้าหมาย 87 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”

(0) SPRC เข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน Caltex จาก Chevron Asia Pacific Holdings โดยบริษัทคาดจะสร้างเสริม Supply Chain ของธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปีโตรเลียมในไทยที่ครบวงจร เรามองเป็นกลาง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับราคาที่ซื้อลงทุน ซึ่งยังไม่มีรายละเอียด อย่างไรก็ตามปัจจุบันปั๊ม Caltex มีทั้งหมด 450 สถานี ซึ่งเป็นลูกค้า SPRC ที่มี Chevron เป็นเจ้าของทั้งคู่ ดังนั้นเราคาดว่า Synergy จะมีไม่มากนัก แต่เชื่อว่าเหตุผลที่เข้าซื้อครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและโรงกลั่นมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นและตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้น อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงกลั่นเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนสูงและขึ้นอยู่กับค่าการกลั่นและราคาน้ำมันดิบเป็นสำคัญ คาดกำไร 4Q23 ชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่ปรับลงจากไตรมาสก่อน และเชื่อว่าจะฟื้นตัวปี 2024 คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 11.70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 284.85 จุด หรือ -0.76% ปิดที่ 37,430.19 จุด จากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว รวมถึงรายงานการประชุมของเฟด ไม่ได้ช่วยให้นักลงทนุมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับทิศทาง อัตราดอกเบี้ยของเฟด

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากแรงขายทำกำไร หลังจากตลาดทะยานขึ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมาจากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ นำโดยญี่ปุ่น หลังกลับมาเปิดการซื้อขายหลังหยุดยาวช่วงปีใหม่ ซึ่งรับผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหวและไฟไหม้เครื่องบินเจแปนแอร์ไลน์ที่สนามบินฮาเนดะ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.11%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 72.70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากมีรายงานว่า ลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปกสั่งปิดบ่อน้ำมันชารารา (Sharara) เนื่องจากการประทัวงของคนงาน รวมถึงความกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมั้นในตลาดโลก ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นต่ออยู่ที่ระดับ 72.95 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.34%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 30.60 ดอลสาร์ หรือ 1.48% ปิดที่ 2,042.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า รวมถึงความกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 2,050.00 ดอลลาร์/ออนซ์หรือ 0.35%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 874.21/ -0.49%

- Advertisement -