Daily View

คาด SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1615 – 1626 ในภาพรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อคืน Dow Jones ปิดบวกเล็กน้อย 0.3% ขานรับปัจจัยที่รีพับลิกันและเดโมแครตจะบรรลข้อตกลงขยายเพดานหนี้ รวมถึงการจ้างงานภาคเอกชนที่ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่เช้านี้ Nikkei เคลื่อนไหวแดนบวก 0.45%  มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อ SET เล็กน้อย ส่วนปัจจัยในประเทศเชื่อว่าตลาดยังให้น้ำหนักกับเรื่องของ COVID-19 การติดเชื้อต่อวันล่าสุดอยู่ที่ 9,866 ราย เป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ด้านการเสียชีวิตอยู่ที่ 92 รายต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเช่นกัน ส่งผลให้วานนี้ทาง ศบค. ให้ข้อมูลว่าจะมีการพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติมในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า มอง Domestic Play จะได้ประโยชน์ส่วนปัจจัยติดตามจากนี้ ได้แก่ (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg คาดที่ 3.5 แสนตำแหน่ง (2) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 4.9 แสน ตำแหน่ง และ 5.1% ตามลำดับ ปัจจุบันตลาดกำลังวิตกกังวลกับเงินเฟ้อ ตัวเลขภาคแรงงานที่ออกมา หากจะให้เป็นบวกกับตลาดคือน้อยกว่าคาด หากออกมาสูงกว่าคาดอาจส่งผลให้เรื่องของเงินเฟ้อกลับมากดดันการลงทุนได้

กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำทยอยสะสมกลุ่ม DomesticPlay ต่อไป ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) วัสดุก่อสร้าง (SCCC) ส่วนระยะสั้นแนะกลุ่มโรงกลั่น (BCP TOP) ตามปัจจัยบวกค่าการกลั่นสิงค์โปร์ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 16 เดือน เชื่อว่าเกิดจาก (1) ความต้องการน้ำมันเครื่องบินหลังเริ่มมีการผ่อนคลายการเดินทาง (2) ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในฤดูหนาว (3) ความต้องการน้ำมันเตาทดแทนการใช้แก๊ส

Stock Pick

SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 136 บาท) คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q21 จะเติบโต YoY และลดลง QoQ เป็น 7.98 พันล้านบาท (+72%YoY, -9.4%QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY ส่วนใหญ่เกิดจากการตั้งสำรองขาดทุนที่ลดลง (-17%YoY) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น (+16%YoY) ในขณะที่การลดลง QoQ ส่วนใหญ่เกิดจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากการล็อคดาวน์ที่กระทบต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประกอบการอยู่ในจุดค่อยๆฟื้นตัว จึงปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 136 บาท จาก 124.5 บาท

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146 บาท) คาดว่า PTTEP จะมีกำไรสุทธิ 3Q21 ที่หมื่นล้านบาท (+40% YoY, +41% QoQ) การเพิ่มขึ้น YoY มาจากการเติบโตของปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย (ASP) ที่เพิ่มขึ้น +20% และ +13% ตามลำดับ ในขณะที่การเติบโต QoQ จะเกิดจากการขาดทุนที่ลดลง จากการป้องกันความเสี่ยงที่คาดไว้ใน 3Q21 ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 127 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2Q21

- Advertisement -