แกนนำรีพับริกันยอมขยายเพดานหนี้
สรุปภาวะตลาด
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า โดยบวกประมาณ 7 จุด แต่มีแรงขายเข้ามาในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีลบประมาณ 5 จุด จากความกังวลด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ และแรงขายทำกำไร ทำให้หุ้นหลายตัวลดช่วงบวกลง ธีมหลักในการขับเคลื่อนหุ้นมาจากราคาสินค้า Commodity อย่างน้ำมัน ถ่านหิน น้ำมันปาล์ม ปรับตัวข้ึนต่อเนื่อง ส่วนหุ้นน้องใหม่อย่าง SVT ปรับตัวขึ้นชนซิลลิ่งท่ี 30% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดท่ี 1,619.48 จุด -4.76 จุด -0.29% มูลค่าการซื้อขาย 97,659 ลบ.ลบ.ต่างชาติ -1,263.05 ลบ. TFEX -10,618 สัญญา ตราสารหน้ี +425.31 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 102.32 จุด + 0.30% ขานรับความหวังว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตใน สภาคองเกรสสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการขยายเพดานหนี้ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐท่ีขยายตัวดีเกินคาดในเดือนก.ย.
+ การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มข้ึน 568,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดท่ีระดับ 425,000 ตำแหน่ง จากระดับ 340,000 ตำแหน่งใน เดือนส.ค.
+ แกนนารีพับลิกันยอมขยายเพดานหนี้ถึงเดือนธ.ค. ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้
+เมอร์คเตรียมยื่นเรื่อง FDA ของสหรัฐเพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกรณีฉุกเฉิน หากได้รับการอนุมัติจะทำให้เมอร์คเป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตและจำหน่ายยารักษาโควิด-19 แบบรับประทาน
+ กพท.เสนอที่ประชุมศบค. ในวันท่ี 10 ต.ค.พิจารณาเห็นชอบให้สายการบินสามารถเพิ่มท่ีนั่งภายในเครื่องบิน เป็น 100% จากปัจจุบัน 75%
+ สธ. คาดยาต้านโควิด “โมลนูพิราเวียร์” จะเข้าไทย ราว ธ.ค. 64 -ม.ค. 65
ปัจจัยลบ
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.50 ดอลลาร์ -1.9% ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และนักลงทุนยังเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ
– รัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ของสหรัฐเผชิญกับปัญหาขาดแคลนชุดตรวจ Rapid Test หลายเดือนแล้ว หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธ์ุเดลตา
– IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ทั่วโลกในปี 2564 ลงสู่ระดับต่ำกว่า 6% โดยระบุถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้สิน เงินเฟ้อ และทิศทางเศรษฐกิจท่ีไม่สอดคล้องกันจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
– WHO ระบุว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 กำลังจะเสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า โดยระบุถึงความไม่เท่าเทียมกันในการกระจายวัคซีนทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชน
– ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันน้ีกลับมาเพิ่มขึ้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 11,200 ราย มีผู้เสียชีวิต 138 ราย รักษาหาย 10,087ราย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันน้ีมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากการที่แกนนารีพับลิกันยอม ขยายเพดานหนี้ถึงเดือนธ.ค. ช่วยสหรัฐเลี่ยงผิดนัดชำระหน้ี ขณะที่แรงกดดันหลักอยู่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราย ใหม่ที่กลับมามากกว่า 1 หมื่นรายต่อวันอีกคร้ัง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1610-1,630 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- ค่าการกลั่นปรับตัวข้ึนเป็นบวกต่อ: TOP SPRC PTTGC
- ศบค. ผ่อนคลายเปิดโรงหนัง-ปรับเวลาเคอร์ฟิว-เวลาเปิดร้านอาหาร: MAJOR AU ZEN M CPALL
- ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง: MINT ERW CENTEL AWC SHR ASAP AOT BEM BTS
- ครม.ไฟเขียวจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม 6 แห่ง: ROJNA WHA EGCO
หุ้นรายงานพิเศษ
SIMAT – แนะนำซื้อ “ราคาเหมาะสม 7.10 บาท Consensus 7.65 บาท”
- งวด 2Q64 มีกําไรสุทธิ 32 ลบ. +88%QoQ +1, 203%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 63 ท่ีมีการล็อคดาวน์ในช่วง 2Q63 กําไรงวด 1H64 เท่ากับ 49.2 ล้านบาท +21%YoY คิดเป็น 38% ของประมาณการกําไรปี 64 ที่ 128 ลบ.
- แบ่งขายบมจ.ฮินซิซึ (ประเทศไทย) (HST) จํานวน 100,000 หุ้น หรือคิด 10% ของจํานวนหุ้นทั้งหมดในฮินซิซึมูลค่ารวม 175 ลบ. ให้กับ บมจ.วันทูวันคอนแทคส์ (OTO) คาดแล้วเสร็จภายใน 30 ต.ค. (บันทึกกําไรพิเศษ Q4) เหลือถือหุ้น 60% และเตรียมยื่นไฟลิ่งบริษัท HST ภายในปี 64 ตามแผนเดิม เพิ่อระดมทุนนําเงินไปขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ และก่อสร้างโรงงานใหม่ ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ (SINET) คาดจะเห็นการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จากการร่วมมือกับทางบริษัทในเครือเจริญเคเบิลทีวี
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยคาดผลการดําเนินงานจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H64 โดยไตรมาส 4 จะเป็น high season ของธุรกิจฮินซิซึ (HST) โดยคาดการณ์กําไรปี 64 ราว 128 ลบ. +146%YoY และคาดกําไรปี 65 ที่ 166ลบ. +44%YoY ราคาเหมาะสมปี 65 เท่ากับ 7.10 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) MAKRO (Bloomberg Consensus 47.00 บาท) ปืนเร็วเร่งดีลโลตัสด่วน คาดจบ 25 ตุลาคมนี้ ก้าวสู่อันดับ 1 ในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในอาเซียนทันที เริ่มรับรู้รายได้จากโลตัสตั้งแต่ไตรมาส 4 ชี้ซินเนอร์ยี่เพียบ พร้อมลุยต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วน 10% วางกลยุทธ์ O2O ขยายใหญ่ ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1.3 แสนล้านบาท ชี้หุ้นจะมีเสน่ห์มากข้ึน หลังเพิ่มทุนขายหุ้น PO ดันฟรีโฟลตตามเกณฑ์ 15% มีโอกาสเข้าคำนวณใน SET50 (ท่ีมา ทันหุ้น)
(0) PLANET (Bloomberg Consensus 1.40 บาท) เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติเพิ่มทุน 124.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รองรับการแจกวอร์แรนต์ฟรี จำนวน 124.99 ล้านหน่วย ในอัตรา 3 : 1 พร้อมนำเงินลุยธุรกิจ Cyber Security – 5G – ผลิตน้ำประปาและไฟฟ้าเต็มสูบ มั่นใจผลงานตลอดทั้งปี 2564 นี้เป็นท่ีน่าพอใจ และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WHAUP (Bloomberg Consensus 5.00 บาท) คาดผลงานครึ่งปีหลังโตไม่หยุด เร่งขยายธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้าช่วงโค้งสุดท้ายของปีน้ี ดันรายได้โตตามเป้า 25% ล่าสุดลงนามสัญญาโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม ตั้งเป้าส้ินปีนี้แตะ 90 เมกะวัตต์ พร้อมจ่อปิดดีล M&A ที่เวียดนามเร็วๆ นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CV (Bloomberg Consensus 5.50 บาท) “โคลเวอร์ เพาเวอร์” หรือ CV ทุ่ม 260 ล้านบาท เตรียมเข้าซื้อโรงงานผลิตชีวมวลอัดเม็ดในเวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวมมากกว่า 2.4 แสนตันต่อปี คาดเพิ่มรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท หนุนเติบโตก้าวกระโดดปี 65 (ที่มา ข่าวหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
7 ต.ค. หอการค้าไทย ร่วมกับ ม.หอการคัาไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ตลท. แถลงข้อมูลสรุปภาวะซื้อขายหลักทรัพย์
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยแถลงสรุปภาวะตลาด ตราสารหนี้ไทยประจำ 3Q64
11 ต.ค.ศปก.ศบค.ประเมินสถานการณ์โควิดคลายล็อคเพิ่ม
ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
14 ต.ค.ธปท.เผยแพรร่ายงานการประชุม กนง.
สัปดาห์ที่ 3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ
ธปท.เผยแพรร่ายงานนโยบายการเงิน
สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
ก.พาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
สัปดาห์ที่ 5 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคต เศรษฐกิจภูมิภาค สศอ. แถลงดัชนีอุตสากรรม
29 ต.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
7 ต.ค. จีนเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ สหรัฐเปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
8 ต.ค. ญี่ปุ่นเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือน ส.ค. และดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนนส.ค.
จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค.
12 ต.ค. อียูรายงานความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนต.ค.
สหรัฐรายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมนุเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค.