บล.บัวหลวง:

Construction: CK-STEC – เตรียมความพร้อม ก่อนขาขึ้นรอบใหญ่ (OVERWEIGHT)

ปัจจัยกดดันระยะสั้นกระทบ Sentiment ของกลุ่มรับเหมาน้อยลงแล้ว (หลังโดนมาหนักก่อนหน้า) และในงาน BLS Thai Corporate Day 2024 วันที่ 8-9 ม.ค. นี้ เราได้รับเกียรติจากผู้บริหารจาก 2 บริษัทรับเหมาหลัก (CK STEC) เข้ามาร่วมบรรยาย โดยวางประเด็นสำคัญ 4 ด้าน ให้นักลงทุนติดตาม เพื่อตัดสินใจลงทุนหุ้น รับเหมาในปีมังกรนี้ ได้แก่ 1) ปัญหาเก่าที่ยังค้างคา คุ้มเสี่ยงแค่ไหน, 2) ความเป็นไปได้ และความพร้อมลุยงานโครงการใหญ่, 3) ปัจจัยบวกที่คาดหวัง และ 4) การเปลี่ยนแปลงธุรกิจในระยะยาว

ประเด็นที่ควรติดตามในการตัดสินใจกลับมาเล่นหุ้นรับเหมารอบใหญ่

เราได้ประเมินความคุ้มค่าการลงทุนหุ้นรับเหมาว่าในการลงทุนระยะ 3-6 เดือนขึ้นไป Upside risk น่าจะมากกว่า Downside risk จากมูลค่าหุ้น (Valuation) ซื้อขายบน PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่แล้ว และโอกาส Re-rate valuation ในช่วงวัฏจักรขาขึ้นกำลังจะมาถึง

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการตัดสินใจและการเลือกจังหวะลงทุนหุ้นรับเหมาฯ ปีนี้ จะขึ้นอยู่กับ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) มุมมองต่อประเด็นปัญหา และเรื่อง ค้างคาต่างๆ เช่น การปรับค่าแรงขั้นต่ำ, โอกาสเกิด Cost overrun อีกรอบและคดี-ข้อพิพาท-เรื่องดราม่าต่างๆ ช่วงที่ผ่านมา 2) โครงการใหญ่ที่จะออกมาประมูลในปีนี้ ล่าสุดมีของ ก.คมนาคม เตรียยมผลักดันกว่าแสนล้านบาท 7 โครงการ แต่หน้างานที่เผชิญอยู่มีความเป็นไปได้แค่ไหน และข้อติดขัดสำคัญอยู่ที่จุดไหนอย่างไร และการแข่งขันจะเป็นอย่างไรบ้าง 3) ปัจจัยบวกในระหว่างปี ยังมีอะไรที่ตลาดต้องติดตามบ้าง และจังหวะเวลาที่สำคัญอยู่ในช่วงใดบ้าง และ 4) เจาะใจแนวคิดการเปลี่ยนผ่านตัวเองสู่ธุรกิจอื่นๆ

CK: พื้นฐานที่แกร่งทั้งธุรกิจรับเหมาฯ และรายได้ประจำ แต่หุ้นยังไปไม่ไกลฐานกำไรจากธุรกิจรายได้ประจำคิดเป็นเกือบทั้งหมดของประมาณกำไรปี 2023 ของ CK ซึ่งหมายถึงธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเดี่ยวๆ เพิ่งจะ Break-even หรือมีกำไรไม่สูงมากนัก แต่เป็นขาขึ้น จากงาน Backlog ที่เติมเข้ามากว่า 9 หมื่นล้านบาท จากงานโรงไฟฟ้าหลวงพระบางของ CKP หรือปัจจุบันคิดเป็นราว 60% ของ Backlog และเมื่อรวมงานอื่นๆ จะช่วย Secure ฐานรายได้ไปอย่างน้อย 3-4 ปีนี้ อีกทั้งยังมี Potential Project เฉพาะตัวจากโครงการ Double Desk (ผ่าน BEM) อีกราว 3 หมื่นล้านบาท ที่คาดเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในปี และทำให้การประมูลงานใหม่ในปีนี้ CK ไม่จำเป็นต้องลงแข่งราคามากเพื่อให้ได้งาน ช่วยลดแรงกดดัน GM ลง และมีกำไรรับเหมาฯ เพิ่มมากขึ้น

STEC: สารพัดปัญหารุมเร้า ก็ยืนอยู่ได้ พร้อมเป็นผู้นำขึ้น หากรอบวัฏจักรมา PBV ของ STEC ที่ 0.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ราว 2.5 เท่ามาก สะท้อนว่าแรงขายตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้จัดเต็มหุ้น STEC ลงไปเต็มที่แล้ว จึงสังเกตุว่าระยะสั้นแม้มีข่าวลบมาบ้าง และกำไรปี 2024 จะยังถูกกดดันจากส่วนแบ่งขาดทุนโครงการรถไฟฟ้าฯ แต่หุ้นกลับลงไม่เยอะ ในทางตรงข้าม เรามองว่าตลาดรอประเด็นบวกจากงานใหม่ เนื่องจาก STEC พยายามรักษา Backlog ระดับ 1-1.2 แสนล้านบาท ประคองตัวมาหลายปีมากแล้ว และเชื่อ ว่าการประมูลงานใหม่รอบนี้ การแข่งขันที่แนวโน้มจะลดลง จะทำให้ STEC ที่มีความพร้อมด้านสถานะการเงิน (หนี้น้อยมาก) ได้เปรียบคู่แข่งหลายรายที่มีปัญหาสภาพคล่องและหนี้สิน จึงไม่แปลกที่ STEC จะเป็นผู้นำขาขึ้นรอบใหม่

ความเสี่ยงสำคัญ: ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค, การแข่งขัน, การเมือง, ความผันผวนของต้นทุน, การปรับค่าแรง, กฎระเบียบ และการกำกับดูแล

- Advertisement -