KS Daily View 08.01.2024 >>> เฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย !ตัวเลขตลาดแรงงานดี เงินเฟ้อทรงตัวสูง คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,440 จุด หุ้นแนะนำ SCGD, AP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA +0.07%, S&P 500 +0.18%, NASDAQ +0.09%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Financials (+0.53%), Utilities (+0.39%), Communication Services (+0.34%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Consumer Staples (-0.24%) , Real Estate (-0.19%), เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index -6.63 จุด หรือ -0.46% ปิดที่ 1,427.96 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AEONTS (+3.16%), STGT (+2.86%), AWC (+2.48%), BAM (+2.35%)เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ SJWD (-4.67%), BGRIM (-4.67%), RBF (-4.20%), FORTH (-3.85%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,440 จุด จากตัวเลขตลาดแรงงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี และเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มทรงตัวสูงทำให้เฟดไม่ต้องรีบลดดอกเบี้ย โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร 2.16 แสนตำแหน่งในเดือนธันวาคม ดีกว่าประมาณการของตลาดที่ 1.75 แสนคน และสูงกว่า 1.73 แสนคนในเดือนพฤศจิกายน โดยอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 3.7% ต่ำกว่าคาดที่ 3.8% ขณะที่ค่าจ้างยังขยายตัวในระดับสูงที่ 4.1% YoY

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สภาครองเกสบรรลุข้อตกลงเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ช่วยลดความเสี่ยงเรื่อง PartialGovernment shutdown ในวันที่ 20 ม.ค. นี้

2.) กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธ.ค. 2566 ลดลง 0.46% MoM และ 0.83% YoY ซึ่งต่ำกว่าประมาณของตลาดที่ลดลง 0.30% YoY เข้าสู่แดนลบเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันและแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 เดือน จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบนโยบายของ ธปท. ที่ 1-3%ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากทุกภาคส่วนให้ ธปท. ทบทวนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ก.พ. โดยหาก กนง. ลดดอกเบี้ยจะทำให้กำไรกลุ่มธนาคาร (คาดโต 7% YoY ปีนี้) มี downsides บน NIM ที่ลดลง เนื่องจากตลาดคาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 2.50% ถึงสิ้นปี

3.) ติดตาม ททท. ทบทวนเป้าหมายตัวเลขนักท่องเที่ยวปี 2567 จากปัจจุบันคาด 35 ล้านคน โดยมีนักท่องเที่ยวจีน 8.2 ล้านคน โดยล่าสุดหลังมีการประกาศฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร ทาง Trip.com พบว่ามีการสืบค้นเกี่ยวกับประเทศไทยเพิ่ม 90% และพบว่ายอดจองโปรมแกรมท่องเที่ยวจากจีนมาไทยช่วง2 ม.ค. – ตรุษจีน ขยายตัว 10 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อน

4.) ติดตามทางรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมหาแนวทางดูแลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 กว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อสภาพคล่องและเกิดการเบี้ยวหนี้ แบ่งเป็น 2 แนวทางคือ ตั้งกองทุนดูแลหุ้นกู้ เฉพาะที่มีเครดิตเรทติ้ง หรือตั้งกองทุนดูแลทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้  มองเป็นปัจจัยบวกกับกลุ่มFinance และอสังหาฯที่จะต้อง rollover หุ้นกู้ปีนี้

5.) ติดตามดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่า ธปท. เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับ Virtual Bank โดย ธปท.ได้ส่งร่างประกาศหลักเกณฑ์การจัดตั้งไปให้กระทรวงการคลังพิจารณา ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2566 ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจได้ภายในต้นปี 2567 และประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกภายในปี 2568

6.) ซาอุฯ ประกาศลดราคา Crude premium ในส่วนของน้ำมันดิบที่ขายมายังตลาดเอเชียจำนวน 2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มากกว่าตลาดคาดที่ 1.25 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มองเป็นsentiment บวกกับกลุ่มโรงกลั่นจาก upsides บนค่าการกลั่นที่สูงขึ้น

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,414-1,444 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ การให้ความเห็นของกฤษฎีกาต่อ พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. เพื่อทำดิจิตอลวอลเล็ต รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนธันวาคม ซึ่งยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะ Core CPI ที่คาดขยายตัว 0.3% MoM และ 4.0% YoY และตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย ตลาดปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 2024 จากปัจจุบันที่ -150bps เป็น 4% +/- สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ เดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน และดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค. ของจีน เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้

SCGD (ราคาพื้นฐาน 14 บาท) ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่า ราคา IPO ที่ 11.50 บาท และคาดกำไรใน 4Q23 จะปรับตัวขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากปริมาณการผลิตที่มากขึ้น และ GPM ที่ดีขึ้นจากต้นทุนลดลง

AP (ราคาพื้นฐาน 14.60 บาท) เก็งยอด presales 1.6 หมื่นลบ. ในไตรมาส 4/2566 นโยบายกระตุ้นอสังหาฯจากรัฐบาล และลุ้น dividend yield 6%สำหรับผลประกอบการปี 2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer confidence) ของยุโรปสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ -15.1 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -16.9 จุด และตัวยอดค้าปลีก (Retail sales) ของยุโรปสำหรับเดือนพ.ย. ตลาดคาดที่ -1.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -1.2% YoY ทั้งนี้วันจันทร์ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องจากเป็นวันฉลองการบรรลุนิติภาวะ (Coming-of-Age Day)
  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ของยุโรปสำหรับเดือนพ.ย. ตลาดคาดที่ 6.5% ทรงตัวเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.5%
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขค่าจ้างแรงงาน (Average cash earnings) ของญี่ปุ่นสำหรับเดือนพ.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.5% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.5% YoY และต่อด้วยตัวเลขการปล่อยสินเชื่อของจีนสำหรับเดือนธ.ค.ตลาดคาดขยายตัวที่ 10.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 10.0% YoY
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer price index) ของสหรัฐฯสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 3.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.1% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 4.0% YoY ทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% YoY
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer price index) ของจีนสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ -0.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยสำหรับเดือนธ.ค. ตลาดคาดที่ 61.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 60.9
- Advertisement -