ปัจจัยต่างประเทศ: เมื่อพิจารณา sentiment การลงทุนผ่านหลาย indicators แสดงถึง sentiment เชิงลบและนักลงทุนกังวลต่อการลงทุน โดยดัชนี Fear and Greed Index ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 27 จุด ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 จุดจะแสดงถึงนักลงทุนกลัวต่อการลงทุน ขณะที่ AAII Members survey ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนรายย่อยพบว่านักลงทุนมีมุมมองลบ (Bearish) ต่อทิศทางตลาดหุ้นเป็นสัดส่วนที่ 40.7% ซึ่งสูงสุดในรอบ 1 ปี จาก Indicators ดังกล่าวแสดงถึงทิศทางตลาดหุ้นที่น่าจะผันผวนระยะสั้น แต่เป็นโอกาสทยอยสะสมลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว
ประเด็นความกังวลการขาดแคลนพลังงานดูผ่อนคลายขึ้นบ้าง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล นอกจากนี้รายงาน สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปธน. รัสเซียปูติน ได้ออกมากล่าวว่ารัสเซียเตรียมพร้อมที่จะส่งก๊าซเพื่อช่วยลดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในยุโรปและช่วยให้ราคาก๊าซกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น
ความคืบหน้ายาเม็ดรักษาโควิด ตัวแรก “โมลนูพิราเวียร์” (molnupiravir) ทางฝั่งยุโรป องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ระบุว่าองค์การฯ กำลังพิจารณาจะเริ่มทำการประเมินแบบเร่งด่วนสำหรับยาเม็ดรักษาโควิดตัวใหม่นี้ ตามหลังจากสัปดาห์ก่อน เมอร์ค แอนด์ โค ระบุว่า บริษัทฯ จะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติการใช้ยาตัวนี้แบบฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด พร้อมเสริมว่า บริษัทฯ หยุดการทดสอบยาตัวนี้เร็วกว่ากำหนดเนื่องจากมีผลลัพธ์ที่ดี เราคาดว่าพัฒนาการยาเม็ดรักษาโควิดถ้าสามารถผ่านอนุมัติและจำหน่ายในวงกว้างได้จะกลายเป็น game changer ทำให้ความกังวลโควิดน่าจะหมดไปและจะช่วยหนุนความมั่นใจประชาชนทั่วโลกให้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติและเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น
ปัจจัยภายในประเทศ: ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณามาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ตัวเลขเริ่มลดลงต่ำกว่า 100 ราย เช่น อ่างทอง สิงห์บุรี เป็นต้น ขณะที่จังหวัดท่องเที่ยวนั้นถือว่าทางระบบสาธารณสุขยังรับไหว สถาณการณ์โควิดที่ดีขึ้นในประเทศรวมถึงพัฒนาการยาเม็ดรักษาโควิด ช่วยสนับสนุนหุ้นกลุ่ม reopening play และ domestic play ให้สามารถoutperform ตลาดภาพรวม
มุมมองตลาดหุ้น วันนี้คาด SET 1620-1630 หุ้นแนะนำ EPG, SPRC
1) EPG (ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท) เราคาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/21 จะออกมาดีและดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/21 ถึงแม้จะมีความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลต่อราคา HDPE ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นตาม อย่างไรก็ตามจากอุปทานส่วนเกินของ HDPE ที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้น่าจะส่งผลให้ราคา HDPE ไม่ได้เร่งตัวขึ้นตามราคาน้ำมันมากนัก ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ ขณะที่บริษัทได้มีการขอปรับ ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ไปแล้วจะช่วยทำให้ GPM ยังสามารถขยายตัวได้ ส่วนระดับราคาหุ้นปัจจุบันมีมูลค่าน่าสนใจลงทุน
2) SPRC (ราคาพื้นฐาน 11.10 บาท) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปัญหาขาดแคลนพลังงานในจีนและยุโรปและอุปทานที่ยังตึงตัวระยะสั้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพฤหัสฯ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน ก.ย. และตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์คาด 3.44 แสนคน
วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน ก.ย. คาด +4.9% MoM เป็น 49 จุด ตัวเลข Non-farm payrolls ของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. คาด +4.6 แสนตำแหน่ง ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเดือน ก.ย. คาด 5.1% ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน ก.ย. คาด +4.6% YoY และตัวเลข Wholesale inventories ของสหรัฐฯเดือน ส.ค. คาด +1.2% MoM