MCA ตอกย้ำผู้นำให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบครบวงจร โบรกฯ ประเมินกำไรปี 67 ส่อแววแตะ 53-59 ลบ.

นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ครบวงจร (One-stop Service Marketing Solution) โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ โดยเพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจใหม่ ภายใต้รูปแบบการให้บริการ Distributor สู่การสร้าง New S-Curve ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทุกช่องทางความหลากหลายได้ครบทุกมิติ นอกจากนี้ ยังประเมินภาพรวมธุรกิจในปีนี้ โดยมองว่า บริษัทฯ จะมีสัดส่วนรายได้จาก Distributor เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจกิจกรรมทางการตลาด หรือ Outsource ยังคงมีดีมานด์การจ้างบุคลากรภายนอกเพื่อจัดเรียงสินค้า ขายสินค้ามีเทรนด์เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทฯ ส่วนกิจกรรมทางการตลาดอื่น อาทิ โรดโชว์ อีเว้นท์ ในปี 2567 จะมีแนวโน้มเติบโต 15-20% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตปี2567 เพิ่มขึ้น 30%

สำหรับปัจจัยการเติบโตส่วนหนึ่งมาจากการเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย)  เทรดดิ้ง จำกัด โดยบริษัทฯ ดูแลในส่วนงานด้านบริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) โดยมีมูลค่างานรวมกว่า 80 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ เริ่มทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท   เป็นต้นไป และจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องตามระยะเวลาสัญญา 1 ปี อย่างไรก็ตามแนวโน้มการเติบโตสอดรับประมาณการณ์ที่บริษัทหลักทรัพย์ประเมินไว้

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปกติในปี 2023 ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% (YoY) ขณะที่รายได้รวมปี 2023 ที่ 499 ล้านบาท (+34% YoY) และกำไรปกติปี 2024 ที่ 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  62% (YoY) และรายได้ปี2024 ประเมินที่ 650 ล้านบาท (+30% YoY) ส่วน GPM ในปี 2023 -24 ประเมินไว้ที่ 22%สะท้อนโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับปี 2022

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินรายได้จากการบริการในปี 2566-2567 ราว 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% (YoY) และ 625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% (YoY) ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับ 19%ต่อปี จึงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2566 ที่ระดับ 22.5% และปรับดีขึ้นเป็น 23% ในปี 2567 พร้อมประเมินกำไรสุทธิในปี 2566-2567 ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% (YoY) และ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% (YoY) หรือคิดเป็นอัตราการ เติบโตเฉลี่ย CAGR) เท่ากับ 50% ต่อปี

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2023-2024ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% (YoY) และปี 2024 อยู่ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% (YoY) และคาดว่าจะรายได้จากการให้บริการรวมในช่วงปี 2023-24 เพิ่มขึ้น 22.8% และ เพิ่มขึ้น 23.3% ตามลำดับ

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 61.0% CAGR ใน 2022-2025 อยู่ที่ 17 ล้านบาท 30 ล้านบาท 53 ล้านบาท และ 69 ล้านบาท ตามลำดับ และคาดว่ารายได้สำหรับปี 2023-2025 อยู่ที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% (YoY) 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.0% (YoY) และ 685 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14.6% (YoY) ตามลำดับ โดยบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัลจะเป็นบริการหลักหนุนการเติบโต

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรสุทธิในปี 2022-2025 อยู่ที่17 ล้านบาท 29 ล้านบาท 54 ล้านบาท และ 65 ล้านบาท ตามลำดับ และมีรายได้เติบโต 32% 29% และ 17% ในปี 2023-2025 ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2023-2025 ที่ระดับ 22-23% เทียบกับ 22.5% ใน 1H23 และ 22.2% ในปี 2022 เป็นผลจากการเติบโตสูงของรายได้จากบริการ Merchandiser (มี GPM ที่ราว 17%) และรายได้จากบริการใหม่ Distributor (GPM ราว 8-10%) ที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2H23 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี GPM ต่ำกว่าบริการกิจกรรมด้านการตลาดที่มี GPM สูงกว่าที่ราว 27% ในปี 2022

- Advertisement -