บล.บัวหลวง: 

Muangthai Capital (MTC TB /MTC.BK)

MTC – แนวโน้มที่ดี สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว

ราคาหุ้น MTC ปรับตัวขึ้น 35% นับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2566 ปรับตัวโดดเด่นกว่าทั้งตลาดฯและกลุ่มการเงินรายย่อย เรามองว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดีขึ้นในปี 2567 สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว ดังนั้น จึงเป็นเวลาที่ดีในการทำกำไร

มูลค่าหุ้นตึงตัวแล้ว

ราคาหุ้น MTC ปรับตัวขึ้น 35% นับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2566 ปรับตัวโดดเด่นกว่าทั้งตลาดฯและกลุ่มการเงินรายย่อย ปัจจุบัน PER ปี 2567 อยู่ที่ 17.9 เท่าและเราคาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรต่อหุ้นในปี 2567-2568 ที่ 16% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.1 เท่า (สูงกว่าอัตราส่วน PEG เฉลี่ยปี 2556-2565 ของ MTC ที่ 0.9 เท่า และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำที่ 1.1 เท่า) PBV ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 2.7 เท่าในขณะที่เราคาดการณ์ ROE ปี 2567 ที่ 16% ส่งผลให้อัตราส่วน PBV/ROE อยู่ที่ 0.17 เท่า ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำ (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่เพียง 0.13 เท่า)

คุณภาพสินทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2567

ผู้บริหาร MTC ร่วมคุยพูดในงาน Thai Corporate Day ปี 2024 วันที่ 9 ม.ค. โดยผู้บริหารคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการคัดกรองการขอสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น (ตั้งแต่ปี 2566) เราคาดการเติบโตของ GDP ไทยปี 2567 อยู่ที่ 3.4% YoY หนุนโดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค MTC จะเน้นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปีนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อน้อยกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่) แต่เรามองว่าลูกค้าของ MTC มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงและระดับหนี้ครัวเรือน ที่สูง การตั้งสำรองของ MTC มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2567 เนื่องจากพยายามจัดการการไหลออกของหนี้เสีย (เป้าหมายสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมต่ำกว่า 3.5%)

คาดกำไรไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัว QoQ)

เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY และ 2% QoQ เราคาดการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสนี้อยู่ที่ 20% YoY และ 5% QoQ หนุนโดยความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการบริโภค ส่วนบุคคลและการขยายสาขา เราคาดอัตราการตั้งสำรองในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.7% ลดลง 63bps YoY และ 12bps QoQ เนื่องจากเราคาดสัดส่วนหนี้เสีย ต่อสินเชื่อรวมของ MTC จะลดลงเล็กน้อยจาก 3.18% ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 มาอยู่ที่ 3.15% ณ สิ้นปี 2566 การขยายตัวของสินเชื่อและอัตราการ ตั้งสำรองที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะกลบผลกระทบของ NIM ที่ลดลงที่ 15.34% (ลดลง 96bps YoY และ 30bps QoQ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น) ในไตรมาสนี้

แนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นในปี 2567

ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ของเราอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY (การเติบโตของ สินเชื่อจะกลบผลกระทบของ NIM ที่ลดลง) และทรงตัว QoQ (ผลกระทบเชิงบวกจากการเติบโตของสินเชื่อจะถูกกลบด้วย NIM ที่ลดลง QoQ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น) เมื่อมองไปยังปี 2567 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อที่ 20% YoY (เป็นไปตามเป้าหมายของ MTC ที่ไม่เกิน 20%) และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น เราคาดอัตราการตั้งสำรองในปี 2567 อยู่ที่ 3.6% ลดลง 10bps YoY (สูงกว่าช่วงเป้าหมายของ MTC ที่ 2.8-3.5%)

- Advertisement -