นักลงทุนกลับมาคลายกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ย
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.3% ขณะที่ดัชนี S&P500, Nasdag ปิดแดนบวกเล็กน้อย หลังจากที่สหรัฐฯรายงานดัชนี PPI ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.1% ท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลแดงหลังจากสหรัฐฯและอังกฤษเปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน
Market Outlook
คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนี PPI ที่ -0.1%MoM ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 0.1%MoM ภายหลังจากรายงานพบว่า US Bond Yield รุ่นอายุ 2 ปีปรับลงทำสถิติตำสุดในรอบ 8 เดือน พร้อมกับ CME FED Watch ปรับเพิ่มน้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน มี.ค. มาเป็น 77% จากก่อนกำลังผ่อนคลายจากภาวะดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ สะท้อนผ่านราคาทองที่ปรับตัวขึ้น ค่าเงิน Dollar Index ที่แกว่งในแนวโน้มอ่อนค่าและเงินบาทที่แข็งค่า ปัจจัยข้างต้นจะเป็นตัวหนุนตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะประกอบไปด้วยยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.4%MoM และวันเดียวกันก็จะมีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ -0.1%MoM วันพฤหัสบดีจะมีตัวเลขใบขออนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.47 ล้านใบอนุญาต และ 1.43 ล้านหลังคาเรือน และสุดท้ายในวันศุกร์จะมีการรายงานยอดขายบ้านมือสองและความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากสถาบันมิชิแกน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.8 ล้านหลังคาเรือนและ 69.3 หากตัวเลขเศรษฐกิจรายงานแล้วต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ประเมินว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากการคลายกังวลดอกเบี้ย
สำหรับการเลือกตั้งในไต้หวัน พบว่า ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งและชนะการเลือกตั้งติดต่อกัน 3 สมัยเป็นครั้งแรก ซึ่งจุดยืนของไล่ชิงเต๋อค่อนข้างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการเข้ามาของจีน ดังนั้นความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศถือเป็นความเสี่ยงที่รออยู่ในช่วงถัดไป กรณีเกิดความไม่สงบระหว่างไต้หวันกับจีนอาจสร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจมายังประเทศไทย เนื่องจากมูลค่าส่งออกทั้งหมดของไทยไปยังจีนคิดเป็นอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 12% อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังไต้หวันคิดเป็นเพียง 2% ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนคิดเป็น 11.8% และไต้หวัน คิดเป็น 2.5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทยในช่วงพ.ย. 23
สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1400 – 1430 กลยุทธ์การลงทุนยังมองดัชนีระดับปัจจุบันเป็นโอกาสสะสมด้วยระดับ Valuation ที่น่าสนใจ เน้นที่กลุ่ม Domestic Play เน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (SAWAD TIDLOR) ศูนย์การค้า (CPN)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)
คาดว่ากำไรไตรมาส 4/23 จะโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จาก SSSG ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดี และการขาดหายไปของค่าตอบแทนพนักงานพิเศษที่เกิดขึ้นปีก่อน ปัจจัยบวกสำคัญคือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐผ่านนโยบายเงิน ดิจิทัล 5 แสนล้านบาท
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 15.90 บาท)
ด้วยการบริโภคที่อ่อนแอหลังเลือกตั้ง SSSG ของบริษัทจึงติดลบหลักหน่วยต้นในเดือน ก.ค.2023 และหลักหน่วยกลางในเดือน ก.ย. 2023 แต่เราเชื่อว่าจะปรับดีขึ้นในไตรมาส 4/23 และปี2024 หนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐและยอดขายย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น