KS Daily View 15.01.2024 >>> พรรค DPP ชนะเลือกตั้งไต้หวัน มองไทยรับ Flow FDI ย้ายออกจากจีน-ไต้หวัน คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด หุ้นแนะนำ CK, WHA

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.31%, S&P 500 +0.08%, NASDAQ +0.02%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+1.26%), Real Estate (+0.78%), Communication (+0.62%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Consumer Discretionary (-1.05%), Financials (-0.64%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +5.29 จุด หรือ +0.38% ปิดที่ 1,413.53 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ RCL (+5.85%), THG (+3.38%), MINT (+2.73%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ ITC (-3.35%), WHA (-3.24%), TU (-2.63%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,410-1,420 จุด มองประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้ประโยชน์จาก Flow FDI ที่ย้ายออกจากจีน-ไต้หวัน บนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตึงเครียดต่อหลังพรรค DPP ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน โดย DPP มีนโยบายคัดค้านการรวมไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแกว่งตัวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีปรับตัวลง 4bps. เป็น 3.94% หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค. ที่ออกมาต่ำกว่าคาด (-0.1% MoM และ +1.8% YoY) ส่งผลให้โอกาสที่เฟดจะเริ่มลดครั้งแรกในเดือน มี.ค. นี้เพิ่มเป็น 80% จากสัปดาห์ก่อนที่ 50% ในส่วนของราคาน้ำมัน และทองคำแกว่งตัวขึ้นหลังกองทัพสหรัฐฯ-อังกฤษ เปิดฉากโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ติดตามการประกาศงบ 4Q23 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาด 4.39 หมื่นลบ. (-7% QoQ, +18% YoY) กำไรที่ชะลอตัว QoQ จาก Cost-to-income ที่สูงขึ้นมีผลมากกว่า NIM และสินเชื่อที่คาดขยายตัวเล็กน้อย โดยธนาคารที่คาดว่ากำไรจะโตเด่นได้แก่ SCB และ BBL ผลักดันจาก NIM ส่วนธนาคารที่คาดว่ากำไรจะออกมาอ่อนแอได้แก่ KKP ฉุดโดยผลขาดทุนรถยึด และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง

2.) ติดตามมาตรการกระตุ้นอสังหาฯเพิ่มเติมหลัง 7สมาคมภาคอสังหาฯ การเข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยข้อเสนอหลักๆ ประกอบด้วย 1.) การขอขยายเพดานราคาอสังหาฯที่ได้ส่วนลดค่าโอนและจดจำนองจากเดิมที่ไม่เกิน 3 ลบ. ครอบคลุมเพียง 20% ของผู้ซื้อ เป็นไม่เกิน 7-10 ลบ. จะครอบคลุมได้ถึง 60-70% ของผู้ซื้อ; 2.) การคุมสินเชื่อด้วยเกณฑ์ DSCR แทนการใช้ LTV สำหรับหลังที่สองขึ้นไป; 3.) กระตุ้นกำลังซื้อต่างชาติโดยเสนอให้ Mid-term visa จากปัจจุบันที่เป็น Long-term visa 10 ปี; 4.) ปรับเพดาน/เงื่อนไขบ้าน BOI; 5.) การนำโครงการบ้านดีมีดาวน์กลับมา; 6.) ปลดล๊อกเอกสารยื่น EIA เป็นต้น

3.) ติดตามสนพ. ได้เร่งจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านพลังงาน พ.ศ. 2566–2580 (ร่างแผนพลังงานชาติ) หรือ National Energy Plan (NEP) ซึ่งการปรับปรุงแผนจะเน้นด้านความมั่นคงทางพลังงาน และต้นทุนเพื่อให้ราคาค่าไฟที่เหมาะสม รวมถึงลดผลกระทบต่อสื่งแวดล้อม คาดเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะภายในไตรมาส 1/2567

4.) PTT จะจ่ายคืนเงินค่าขาดส่งก๊าซจำนวน 4.3 พันลบ. ให้แก่ กกพ. ขณะที่ผลกระทบการใช้ต้นทุนก๊าซรวมกับโรงแยกก๊าซจะอยู่ที่ 6.5 พันลบ. สำหรับ ม.ค.-เม.ย.2567 โดย นวค. KS ประเมินผลกระทบคิดเป็นที่ downside 12% ต่อกำไรปี 2567 และอาจเพิ่มเป็น 1.95 หมื่นลบ./ปี สำหรับการใช้ราคาต้นทุนก๊าซรวมกับโรงแยกก๊าซ คิดเป็น downside 22%

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,404-1,425 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ความคืบหน้าของ พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. เพื่อทำดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งล่าสุดฐานเศรษฐกิจรายงานข่าวว่ารัฐบาลอาจยุติการออก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว และหันไปใช้ พรบ. งบประมาณปี 2568 แทนพร้อมลดวงเงินเหลือ 3 แสนล้านบาท จากหนังสือตอบกลับของกฤษฎีการะบุเงื่อนไขข้อจำกัดทางกฎหมาย นอกจากนี้ต้องติดตามการโหวตเพื่อขอเลื่อนชำระหุ้นกู้ทุกรุ่นของ ITD ไปอีก 2 ปี ในวันที่ 17 ม.ค. โดยต้องการเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุมในแต่ละรุ่น รวมถึงการประกาศผลประกอบการ 4Q23 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่  ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือน ธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพี 4Q23 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน

หุ้นแนะนำวันนี้

CK (ราคาพื้นฐาน 27.94 บาท) คาดงานรับเหมาก่อสร้างจะเริ่มฟื้นตัวใน 2Q24 หลังการประกาศงบประมาณแผ่นดินในเดือน เม.ย. ขณะที่การแข่งขันในตลาดคาดมีความรุนแรงน้อยลงจากคู่แข่งประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

WHA (ราคาพื้นฐาน 5.70 บาท) การที่พรรค DPP ชนะการเลือกตั้ง ทำให้คาดว่าความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวันจะดำเนินต่อ หนุนการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน และไต้หวัน เรามองกลุ่มนิคมจะยังคงได้ประโยชน์หลักจากธีมดังกล่าว ทั้งนี้ราคาหุ้น WHA ปรับตัวลงกว่า -10% จากแรงขายทำกำไรมองเป็นโอกาสเข้าสะสมจากคาดยอดขายที่ดินในปี 2567 จะดีต่อเนื่อง รวมถึงคาดกำไรปี 2567 จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.2 พันลบ. ในปี 2567 เติบโต 21% YoY

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Medium-Term lending facility rate ระยะ 1 ปี ของธนาคารกลางจีน (PBOC) ตลาดคาดจะคงไว้ที่ 2.5% เท่าเดิม ต่อด้วยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรป (Industrial production) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดหดตัว 5.9% YoY เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 6.6% YoY ขณะที่ด้านตลาดสหรัฐฯปิดทำการเนื่องจากเป็นวัน Martin Luther King
  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (Zew Economic Sentiment) ของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. โดยตัวเลขในเดือนก่อนหน้ารายงานอยู่ที่ 23 จุด ต่อด้วยช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Empire State manufacturing index) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ -7.1 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -14.5 จุด
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลข GDP ของจีน สำหรับไตรมาส 4/66 ตลาดคาดขยายตัว 5.3% YoY เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.9% YoY และตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ของจีนสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 6.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.6% YoY ต่อด้วยติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของยุโรป (Headline CPI) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของยุโรป (Core CPI) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 3.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.6% YoY ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ (Retail sales) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดขยายตัว 4.0% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.1% YoY
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขอนุญาตสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ (Building permits) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.48 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านยูนิต ต่อด้วยตัวเลขสร้างบ้านใหม่ (Housing starts) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.415 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.56 ล้านยูนิต และติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Philly Fed manufacturing index) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ -5.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -10.5 จุด
  • วันศุกร์ ติดตามการให้สัมภาษณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป นาง Christine Lagarde ที่มีกำหนดการให้สัมภาษณ์ในเวทีงาน World Economic Forum ที่ Davos ในประเด็น The Global Economic Outlook และติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของสหรัฐฯ (Prelim UoM consumer sentiment) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 68.8 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 69.7 จุด
- Advertisement -